ในชีวิตของนักวอลเลย์บอลนั้นไม่มีอะไรได้มากง่าย ๆ นักกีฬาทุกคนต้องหัดเรียรู้ ฝึกฝน พร้อมต้องพัฒนาทักษะในด้านต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลา และหากคนไหนทัศนคติดี ๆ มีแง่คิดในเชิงบวก ก็ย่อมส่งต่อการลงเล่นเช่นกัน โดย ฐาปไพพรรณ ไชยศรี อดีตนักวอลเลย์บอลรุ่นเก๋าที่เด็กรุ่นใหม่ควรศึกษาเป็นต้นแบบ ได้ทิ้งแนวทางทั้งนอกสนาม และในสนามอันยอดเยี่ยมเอาไว้ให้กับวงการนักตบลูกยางรุ่นหลังไว้เรียนรู้กัน ซึ่งรายละเอียดจะเป็นอย่างไรนั้นก็สามารถเลื่อนลงไปอ่านได้เลย
แฟน ๆ วอลเลย์บอลอาจจะยังไม่ทราบว่า ฐาปไพพรรณ ไชยศรี หรือ บะหมี่ มีชื่อเล่นจริง ๆ ว่า หม่ามี๊ เพราะนี่คือชื่อเล่นที่คุณตาเป็นคนตั้งให้ตอนเกิด แต่เพื่อน ๆ ส่วนใหญ่ตอนนั้นรู้สึกว่าออกเสียงยากสุดท้ายจึงถูกเรียกเพี้ยนจนกลายมาเป็น บะหมี่ อย่างปัจจุบัน
ในวงการกีฬาส่วนใหญ่อายุการใช้งานของร่างกายมักไม่ค่อยจะยาวนานซักเท่าไร โดยเฉพาะสำหรับการรับใช้ชาตินั้นยิ่งมีเวลาสั้นมากกว่าการเล่นอาชีพ เมื่อ ฐาปไพพรรณ ไชยศรี อายุมากขึ้นก็มองเห็นเส้นทางในวงการว่าอนาคตนักตบลูกยางรุ่นน้องที่มีความสามารถสูงจะถูกดันขึ้นมาทดแทนเรื่อย ๆ จนปี ค.ศ. 2020 เมื่อเจ้าตัวอายุ 30 ปี จึงได้ทำตัดสินใจครั้งใหญ่ด้วยการหาอาชีพอันมั่นคงในระยะยาวพร้อมทั้งยังคงเล่นวอลเลย์บอลที่ชื่นชอบควบคู่ไปกันได้ ช่วงฤดูกาล 2017 ซึ่งเธอกลับสู่บ้านเกิดจังหวัดขอนแก่น ด้วยการย้ายไปอยู่กับสโมสร ขอนแก่นสตาร์ วีซี ในศึกวอลเลย์บอลไทยแลนด์ลีก และรับบทบาทเป็นกัปตันทีมจนฤดูกาล 2019 – 2020 ก็สามารถพาทีมเข้าไปยังรอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ ก่อนที่การแข่งขันถูกชะงักด้วยสถานการณ์ระบาดของโควิด-19
ย้อนไปฤดูกาลนั้นไม่คิดว่า บะหมี่ จะพาสโมสรมาไกลถึงรอบรองชนะเลิศ พอได้ร่วมเล่นกับเพื่อนร่วมทีมบ่อยขึ้นจึงทำให้รู้ใจกัน และถือว่ามันคือประสบความสำเร็จพอสมควร
ครั้งแรกที่เข้าสู่วงการวอลเลย์บอลสำหรับ ฐาปไพพรรณ ไชยศรี คือตอนกำลังเรียนอยู่ประมาณชั้นประถม 2 ส่วนช่วงที่เริ่มซ้อมอย่างจริงจังคือตอนประถม 6 โดยเจ้าตัวได้มีโอกาสลงแข่งในรายการ วิทยุการบิน มินิวอลเลย์บอล ครั้งแรก หลังจากนั้นก็ย้ายมาเรียนต่อในโรงเรียนหนองเรือ ซึ่งที่นี่เองที่เธอได้เรียนรู้จากทั้งโค้ช และผู้เล่นรู้พี่ดีกรีทีมชาติหลาย ๆ คน โดยทั้งหมดก็ให้คำแนะนำดี ๆ จน บะหมี่ สามารถพัฒนาฝีมือยกระดับจนมีรายชื่อติดทีมชาติ ไม่ว่าจะเป็นชุดยุวชน ชุดเยาวชน และทีมชาติชุดใหญ่ ซึ่งเธอเองก็รักษามาตรฐานการเล่นมาตลอด ซึ่งถือได้ว่าหนึ่งนักตบลูกยางคนหนึ่งที่ยืนอยู่กับทีมชาติไทยมาอย่างยาวนาน
สำหรับเรื่องระบบของทีมชาติไทยชุดยุวชน ชุดเยาวชน สมัยก่อนจะไม่เหมือนกับตอนนี้ เพราะปัจจุบันมีการวางพื้นฐานให้นักกีฬาต่อยอดขึ้นมาเรื่อย ๆ ถ้าใครสามารถรักษาการเล่นให้ได้มาตรฐานก็จะก้าวไปสู่ทีมชาติชุดใหญ่ได้ง่าย ซึ่งคนที่อยากมีรายชื่อติดทีมชาติไทยต้องมีครบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นพรสวรรค์ หรือพรแสวง มีระเบียบวินัย พร้อมพัฒนาฝีมืออยู่ตลอดเวลา เมื่อได้รับโอกาสต้องใช้ให้เป็น เมื่อได้ลงเล่นต้องไม่กลัว และกล้าโชว์ศักยภาพที่ตนเองมีออกมาให้ได้เห็น
ฐาปไพพรรณ ไชยศรี มีรายเชื่ออยู่ในแคมป์ทีมชาติไทยชุดใหญ่ครั้งแรกตอนช่วงปี ค.ศ. 2008 และต่อจากนั้นก็ได้ร่วมทีมเรื่อยมาหลายต่อหลายรายการ ส่วนนัดที่เจ้าตัวประทับใจ พร้อมแจ้งเกิดให้แฟน ๆ วอลเลย์บอลรู้จักกันก็คือทัวร์นาเมนต์ เวิลด์กรังด์ปรีซ์ 2012 ณ จังหวัดนครปฐม ซึ่งเราเจอกับประเทศคิวบา และสามารถพลิกเอาชนะไปได้อย่างสนุก 3 ต่อ 2 เซต
ฐาปไพพรรณ ไชยศรี กล่าวว่าเธอจำได้ดี ตอนนั้นทีมชาติไทยแพ้ไปแล้ว 2 เซต เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร หรือ โค้ชอ๊อด จึงเปลี่ยนผู้เล่นเหมือนให้โอกาสลงไปสัมผัสเกม แต่กลายเป็นว่าเราทำได้ดีกว่าที่คิด จนสามารถพลิกกลับมาเอาชนะเหนือคิวบาได้ โดยช่วงที่ตนเองลงสนามก็พยามทำอย่างเต็มศักยภาพมันจึงกลายเป็นเหมือนนัดแจ้งเกิด และความทรงจำอันยอดเยี่ยม ส่วนแมตซ์อื่น ๆ ก็ประทับใจเช่นกัน เพราะเมื่อลงเล่นบ่อย ๆ บะหมี่ ก็ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์มากมาย อย่างนัดที่บุกไปเอาชนะทีมชาติจีนได้ในประเทศของเขา 3 ต่อ 2 เซตก็ยังอยู่ในความทรงจำ
หนึ่งในสิ่งสำคัญไม่แพ้การฝึกซ้อมร่างกายอันเข้มข้นก็คือทัศนคติของนักตบลูกยาง ซึ่งคนส่วนใหญ่มักคิดว่านักวอลเลย์บอลต้องเป็นคนที่มีรูปร่างสูงใหญ่เท่านั้น แต่ความจริงแล้วสรีระไม่ได้เป็นอุปสรรคขนาดนั้น เพราะมันประกอบไปด้วยหลาย ๆ อย่าง
ก่อนอื่นหากคุณเป็นคนตัวเล็กที่ชื่นชอบวอลเลย์บอลจริง ๆ อย่าพึ่งคิดว่าจะสู้กับคนตัวสูงกว่าไม่ได้ เพราะผู้เล่นแต่ละคนย่อมมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าจะดึงจุดเด่น และคุณภาพการเล่นของตนเองออกมาได้ยอดเยี่ยมแค่ไหน หากมีความมั่นใจ และคิดบวกมันก็จะพาเราไปในทางที่ถูกที่ควร
ซึ่งถ้าใครเคยดู ฐาปไพพรรณ ไชยศรี ลงเล่นก็จะทราบว่าเธอสามารถเล่นได้หลายตำแหน่ง โดยตอนแรกเริ่มจากการเป็นหัวเสา แล้วค่อยเปลี่ยนมาเป็นตำแหน่งตัวรับอิสระเนื่องจากอาการบาดเจ็บ ถึงจะต้องใช้ความพยามมากกว่าเดิมในตำแหน่งใหม่ที่ไม่ค่อยถนัดแต่เจ้าตัวก็สามารถพัฒนาพร้อมโชว์ผลงานออกมาได้ยอดเยี่ยมกว่าที่คาดกันเอาไว้
เมื่อ ฐาปไพพรรณ ไชยศรี ย้ายกลับไปลงเล่นให้กับสโมสรในบ้านเกิดกับสโมสร ขอนแก่นสตาร์ วีซี ก็รู้สึกมีความสุขมากขึ้นเพราะได้ใกล้ชิดกับครอบครัว มีงานที่มั่นคง แถมยังได้เล่นวอลเลย์บอลที่ชื่นชอบ เนื่องจากเธอไม่ใช่คนกรุงเทพจึงรู้สึกว่าเมืองหลวงมันค่อนข้างวุ่นวาย ต้อนตื่นเช้าแต่กลับดึก พอมีโอกาสได้กลับมาบ้านจึงรีบคว้าเอาไว้ เพราะชอบชีวิตอันสงบเงียบมากกว่า อีกทั้งยังตื่นสายได้ และยังใช้เงินน้อยกว่าด้วย
ปัจจุบัน บะหมี่ กลายเป็นอดีตนักวอลเลย์บอลทีมชาติไทย และสโมสรขอนแก่นสตาร์ วีซี ไปเรียบร้อยแล้ว เพราะเจ้าตัวตัดสินใจประกาศอำลาการแข่งขันวอลเลย์บอลไทยแลนด์ลีกเมื่อฤดูกาล 2020 – 2021 เนื่องจากต้องการจะให้เวลากับครอบครัวมากกว่าเดิม หลังจากเธอจดทะเบียนสมรสกับ ชิณพัฒน์ แฟนหนุ่มสุดหล่อนอกวงการ และตั้งเป้าหมายใหม่เอาไว้ก็คือการมีลูกน้อย พร้อมทั้งได้กล่าวขอบคุณเพื่อน ๆ ทั้งในสโมสรกับทีมชาติที่เคยร่วมงานกันมา หากมีโอกาสคงจะได้รวมงานกันอีกครั้ง ขอให้ทุก ๆ คนโชคดี และประสบความสำเร็จบนเส้นทางสายวอลเลย์บอล และจะคอยเป็นกำลังใจให้เสมอ แต่อนาคตนั้นไม่แน่นอนหากเธอมีลูกเร็ว อาจจะหวนกลับมาสู่วงการนักตบลูกยางอีกครั้งก็ได้
สำหรับบทสรุปของนักตบลูกยางนามว่า ฐาปไพพรรณ ไชยศรี นั้น เธอทำงานกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่จังหวัดขอนแก่น ส่วนอดีตในนามสโมสรเธอเคยรับบทบาทเป็นกัปตันให้ทีม ขอนแก่น สตาร์ วีซี ในศึกวอลเลย์บอลไทยลีก และตัดสินใจอำลาต้นสังกัดอย่างเป็นทางการหลังจบฤดูกาล ในนามทีมชาติเจ้าตัวเริ่มต้นเล่นในตำแหน่งตัวรับอิสระ ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นหัวเสา และโยกกลับมาเล่นเป็นตัวรับอิสระอีกครั้งหนึ่ง โดยเธอเข้าร่วมวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยตั้งแต่ปี ค.ศ. 2008 พร้อมเก็บเหรียญรางวัลมาแล้วอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแชมป์เอเชีย 2 สมัย ในปี 2009 กับ 2013 และแชมป์เอวีซี คัพ 1 สมัยในปี 2012 รวมถึงเหรียญทองแดงรายการเอเชี่ยนเกมส์ในปี 2014 ก่อนจะตัดสินใจอำลาทีมชาติเมื่อช่วงปี 2018
ทั้งหมดนี่ก็คือเรื่องราวของ ฐาปไพพรรณ ไชยศรี อดีตนักวอลเลย์บอลรุ่นเก๋าที่เด็กรุ่นใหม่ควรศึกษาเป็นต้นแบบ ซึ่งเป็นนักกีฬาอีกคนที่นักตบลูกยางรุ่นหลังควรยึดเอาแบบอย่าง ไม่ว่าจะเป็นทัศนคติ ความขยันตั้งใจในการฝึกซ้อม หรือทักษะด้านอื่น ๆ ซึ่งทำให้เจ้าตัวสามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งได้แม้จะไม่ถนัด เพราะหากเราเริ่มต้นได้อย่างถูกต้อง และไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคต่าง ๆ วันหนึ่งเมื่อโอกาสมาถึงเราก็จะคว้ามันมาได้โดยไม่ต้องเกรงกลัวต่อสิ่งใด