นิโคไล คาร์โปล (Nikolay Karpol) ตำนานโค้ชวอลเลย์บอลจอมโหด เป็นโค้ชวอลเลย์บอลหญิงของประเทศรัสเซีย (รวมถึงตอนยังเป็นสหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตในอดีต) และแฟน ๆ หลายคนมักจะเรียกเขาว่า The Howling Bear ซึ่งเป็นฉายาอันน่าเกรงขาม โดย คาร์โปล สามารถพารัสเซียเข้ามากลายเป็นขาประจำในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก และเก่งกาจขนาดทำให้ทัพนักกีฬาได้ขึ้นไปยืนบนโพเดียมอยู่บ่อย ๆ โดยเจ้าตัวยังเคยนำทีมคว้าเหรียญทองในปี ค.ศ. 1980 และค.ศ. 1988 คว้าเหรียญเงินในปี ค.ศ. 1992, ค.ศ. 2000 และ ค.ศ. 2004 สรุปแล้วเก็บเหรียญโอลิมปิกไปถึง 5 เหรียญ แถมเจ้าตัวยังสร้างสถิติโลกด้วยการคุมสโมสร VC Uralochka-NTMK ต่อเนื่องเป็นเวลาถึง 54 ปีอีกด้วย
หากใครเป็นแฟนวอลเลย์บอลรุ่นเก๋าต้องรู้จักกับโค้ชของ นิโคไล คาร์โปล (Nikolay Karpol) แน่นอน เพราะในช่วงยุค 90 ถึง 2000 เขาเป็นโค้ชให้กับสหภาพโซเวียตจนกระทั้งเปลี่ยนเป็นประเทศรัสเซีย โดยจุดเด่นของ คาร์โปล นอกจากจะเป็นเรื่องฝีมือในการวางแผนแก้เกมแล้ว เขายังมีฝีปากที่ร้ายกาจด้วยเช่นเดียวกัน หากใครลองเสิร์จชื่อเขาดูก็จะปรากฏคลิปซึ่งเจ้าตัวเคยด่าลูกทีมจนร้อนไห้ เรียกได้ว่าขึ้นชื่อเรื่องนี้มาอย่างช้านาน แต่ทั้งหมดที่ คาร์โปล ทำก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งเหตุผลซึ่งช่วยให้ทีมประสบความสำเร็จทั้งระดับยุโรป และระดับโลก รวมถึงการทำสถิติเป็นโค้ชที่คุมทีมสโมสรเดียวยาวนานที่สุดในตอนนี้อีกด้วย แม้ปัจจุบันอายุอานามจะย่างเข้า 85 ปีแล้ว แต่ก็ยังคงรับหน้าที่เป็นโค้ชให้กับสโมสร VC Uralochka-NTMK ในลีกซูเปอร์ลีกา ของรัสเซียเช่นเคย
นิโคไล คาร์โปล ถือสถิติโลกของวงการกีฬาวอลเลย์บอลอยู่หลายสถิติ เป็นโค้ชซึ่งประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์รัสเซีย ปัจจุบันยังมีความสุขดีกับการทำหน้าที่ผู้ฝึกสอนของสโมสร VC Uralochka-NTMK ในแดนหมีขาว และมีหลานแท้ ๆ อย่าง มิคาอิล คาร์โปล เป็นผู้ช่วยพร้อมทำหน้าที่แทนตนเองในช่วงทีมต้องเดินทางไปเล่นในเกมเยือน ส่วนตัว มิคาอิล ได้ซึมซับประสบการณ์ความรู้ต่าง ๆ จาก นิโคไล มาโดยตรง และอยากจะเดินตามรอยเท้าจนกลายเป็นโค้ชที่เก่งกาจระดับโลกเช่นเดียวกับปู่ของเขา
นิโคไล คาร์โปล เกิดในปี ค.ศ 1938 ในโปแลนด์ (ดินแดนเบลารุสในปัจจุบัน) โดยในช่วงวัยเด็กตัวเขาต้องพบเจอกับความยากลำบากอย่างแสนสาหัส เมื่อเผชิญกับสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาเสียครอบครัวไปจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อ ลุง 2 คน ปู่ และย่า รวมถึงแม่ของเขาเกิดอาการป่วยหนักเพราะความยากจนหลังสงคราม ทำให้สุดท้ายสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจึงต้องรับน้องชายไปเลี้ยง
สำหรับช่วงสงครามโลกอันโหดร้ายนั้น การเล่นกีฬาเป็นหนึ่งในสิ่งที่คอยเยียวยาจิตใจของผู้คนให้รู้สึกถึงชีวิตอันปกติ โดยวอลเลย์บอลก็เป็นกีฬาที่ นิโคไล คาร์โปล ชื่นชอบ และทำมันได้ดี เมื่อเจ้าตัวย้ายไปเรียนต่อที่ อูรัล ในปี 1956 ก็ตั้งใจว่าอยากเป็นนักคณิตศาสตร์ ก็ทำงานเสริมหลายอย่าง เช่นสอนฟิสิกส์ สอนดาราศาสตร์ และทำหน้าที่เป็นทั้งคนสอนพร้อมเป็นวอลเลย์บอลเองด้วย หลังจากเวลาผ่านไปประมาณ 10 ปี เขาได้รับงานคุมสโมสร อูราลอชกา ซึ่งที่นี่เองเป็นที่สร้างชื่อให้กับ คาร์โปล เพราะการฝึกสอนอันเข้มงวด และมีระเบียบวินัยสูง ทำให้เขาสามารถพาทีมคว้าแชมป์ ซีอีวีแชมเปียนส์ลีก ได้ถึง 8 สมัย และแชมป์ในประเทศรวมกันอีก 25 ครั้ง แถมยังเก็บเหรียญทองแดงในการแข่งขันสโมสรโลก 1992 อีกด้วย
นิโคไล คาร์โปล ไม่ได้แค่คุมสโมสร เขายังเคยเป็นโค้ชให้กับทีมชาติหญิงของรัสเซียด้วย โดยเจ้าตัวคุมทีมวอลเลย์บอลหญิงแดนหมีขาวยาวนานถึงเกือบ 20 ปี เริ่มตั้งแต่ยังเป็นสหภาพโซเวียตเมื่อปี ค.ศ. 1978 ซึ่งก็ได้สร้างความสำเร็จเอาไว้มากมายไม่ว่าจะเป็นการพาทีมคว้าเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ถึง 2 สมัยในปี 1980, 1988 เหรียญเงินโอลิมปิกเกมส์ 3 สมัยในปี 1992, 2000 และ 2004 เหรียญทองชิงแชมป์โลกในปี 1990 เหรียญทองแดงในปี 1994, 1998 และ 2002, เหรียญทองเวิลด์คัพในปี 1997 และทองแดงในปี 1993, เหรียญทองเวิลด์ กรังด์ปรีซ์ในปี 1997, 1999 และ 2002, เหรียญเงินในปี 1998, 2000 และ 2003 เหรียญทองแดงในปี 1993, 1996 และ 2001
โดยความโดดเด่นของ นิโคไล คาร์โปล อีกสิ่งที่กลายเป็นเอกลักษณ์ให้ผู้ชมต้องจดจำก็คือสไตล์การคุมทีมข้างสนามอันดุดัน มีการตะโกนด่าลูกทีมของตนเองอย่างเสียงดัง ยิ่งช่วงเวลานอกแล้วเรียกว่าด่าไม่เลี้ยงจนผู้เล่นต้องเสียตาน้ำกันเลยทีเดียว แม้หลายคนจะวิจารณ์เขาก็ไม่สนใจ เพราะผลลัพธ์ที่ได้กลับมาคือความสำเร็จ
ส่วนเหตุการณ์ที่แฟน ๆ วอลเลย์บอลหลายคนจดจำได้เป็นอย่างดีก็คือปี ค.ศ. 1988 เป็นนัดชิงเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ที่กรุงโซลประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งตอนนั้นทีมของเขาตามหลังคู่แข่งอยู่ถึง 0 ต่อ 2 เซต โดยในเซตที่ 3 หากทีมชาติเปรูทำได้อีกเพียง 3 แต้มก็จะคว้าแชมป์โอลิมปิกทันที นิโคไล คาร์โปล จึงขอเวลานอก และผู้ชมทั้งโลกก็ได้เห็น และได้ยินสิ่งที่เจ้าตัวตะโกนด่าลูกทีมสาวว่า “ไม่มีใครอยากดูวอลเลย์บอลแบบที่พวกเธอกำลังเล่นอยู่ เพราะมันน่ารังเกียจที่จะดูเกมนี้ และพวกเธอไม่มีความมุ่งมั่นในสายตาเลยสักนิด! พวกเธอจะอธิบายเรื่องนี้กับคุณยายของพวกเธอเมื่อกลับบ้านอย่างไร พวกเธอจะมองตาท่านได้อย่างไร!!”
ซึ่งประโยคนี้ นิโคไล คาร์โปล ตะโกนพูดกับ อิรินา สมีร์โนวา โดยตัวเขาเองก็รู้อยู่แล้วว่าคุณยายของเธอเป็นแฟนพัธุ์แท้ของทีมชาติโซเวียต ส่วน สมีร์โนวา นั้นเคารพคุณยายมาก ๆ มันจึงส่งผลทางจิตวิทยากับเธอทันที และการด่าเหล่านี้มันได้ผล เพราะเมื่อสาว ๆ รัสเซียกลับไปลงสนามอีกครั้งหลังหมดเวลานอก พวกเธอสามารถโชว์ฟอร์มออกมาอย่างยอดเยี่ยม เริ่มด้วยการเอาชนะในเซตที่ 3 ก่อน จากที่ใคร ๆ ก็คิดว่าทีมชาติรัสเซียใกล้จะแพ้ทีมชาติเปรูอยู่แล้ว แต่ลูกทีมของเขากลับฮึดขึ้นมาได้อีกครั้ง และสร้างประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของวอลเลย์บอลโอลิมปิกโดยการพลิกล็อคกลับมาเอาชนะเปรูไป 3 ต่อ 2 เซตไปแบบเหนือความคาดหมายจนคว้าเหรียญทองมาคล้องคอจนได้
โดย นิโคไล คาร์โปล ได้ให้สัมภาษณ์หลังการแข่งขันกับผู้สื่อข่าวซึ่งถามถึงประเด็นการสอนแบบดุดันของเขาว่า “คุณไม่สามารถนิ่งเฉยได้อีกต่อไป อารมณ์ทั้งหมดของผมถูกส่งไปยังลูกทีมทันที พวกเธอไม่สามารถเล่นโดยปราศจากอารมณ์ความรู้สึก ผมเป็นนักแสดง และผมก็พร้อมจะเล่นบทบาทใด ๆ ก็ได้ระหว่างการแข่งขัน สุดท้ายแล้วมันขึ้นอยู่กับนักกีฬาว่าบทบาทของผมนั้นจะมีคาแรคเตอร์เป็นบวก หรือลบ แม้แต่ผู้ปกครองบางครั้งก็ตะโกนใส่ลูก ๆ ทั้งหมดมันเป็นเรื่องทางแทคติก และวิธีการสอนส่วนตัว ผมคิดว่าตนเองเป็นครูตั้งแต่แรก ซึ่งในท้ายที่สุดก็กลายเป็นโค้ช” แต่ถึงแฟน ๆ วอลเลย์บอลอย่างเราจะเห็นว่าเจ้าตัวเป็นคนดุ และเข้มงวด แต่ลูกทีมของเขาส่วนใหญ่มักพูดถึง คาร์โปล ในแง่ดีแถมสาว ๆ บางคนถึงกับเรียกเขาว่าพ่อเลยทีเดียว
ทางด้านชีวิตส่วนตัว นิโคไล คาร์โปล ได้แต่งงานกับนักวอลเลย์บอลชื่อดังในอดีตที่ชื่อว่า กาลินา ดูวาโนวา โดยทั้งคู่มีลูกชายด้วยกัน 1 คนชื่อว่า วาซิลี แต่ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น เพราะเมื่อช่วงปี ค.ศ. 1993 วาซิลี กับภรรยาประสบอุบัติเหตุรถชนจนเสียชีวิต เขาจึงรับ มิคาอิล หลานชายที่อายุ 4 ขวบมาเลี้ยง หลังจากนั้นเมื่อ มิคาอิล เติบโตขึ้น และสนใจในการเป็นโค้ชวอลเลย์บอล เจ้าตัวจึงคอยสอนเรื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเรื่องประสบการณ์ หรือเทคนิคอย่างเต็มที่ และหวังเอาไว้ว่าอนาคตหลานชายคนนี้จะเข้ามารับหน้าที่ต่อจากเขาได้เป็นอย่างดี
นี่ก็คือ นิโคไล คาร์โปล (Nikolay Karpol) ตำนานโค้ชวอลเลย์บอลจอมโหด หากใครอ่านมาจนถึงตรงนี้ก็คงจะได้รู้จักตัวตนของเขากันมากยิ่งขึ้นแล้ว และหวังว่าเพื่อน ๆ คงจะสนุกกับบทความของเรา พร้อมได้มองเห็นอีกมุมหนึ่งของสุดยอดโค้ชระดับโลกอย่าง นิโคไล คาร์โปล อีกด้วย