ถึงแม้ตอนนี้วอลเลย์บอลหญิงไทยแลนด์ลีกฤดูกาล 2022 – 2023 จะเดินทางมาจนถึงเลกที่ 2 พร้อมความดุเด็ดเผ็ดมันกับการแย่งพื้นที่โคตา และใกล้จะถึงบทสรุปเต็มทีว่าทีมใดจะได้เข้าไปชิงแชมป์กัน แต่วันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ ไป ย้อนดูสุดยอดผู้เล่นวอลเลย์บอลไทยแลนด์ลีกที่ย้ายทีมแบบเซอร์ไพรส์ ว่าจะมีใครกันบ้างซึ่งสามารถสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับแฟน ๆ ของแต่ละสโมสร หรือแฟนคลับส่วนตัวของพวกเธอ โดยทั้ง 3 สาวนี้เรารับรองว่าหากเป็นแฟนวอลเลย์บอลตัวจริงคงจะรู้จักครบทุกคนแน่ ๆ ดังนั้นอย่ามัวรอช้า ขอเชิญไปพบกับพวกเธอกันได้เลย
วอลเลย์บอลไทยแลนด์ลีก ฤดูกาล 2022 – 2023 เริ่มการแข่งขันไปแล้วตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2022 ซึ่งกติกาก็จะคล้าย ๆ เดิม คือแบ่งเป็นทีมฝั่งผู้หญิง 8 ทีม และทีมฝั่งผู้ชาย 8 ทีม รวมทั้งหมด 16 ทีม โดยแต่ละสโมสรก็จัดเต็มจัดหนัก ทีมไหนมีงบเยอะหน่อยก็ทุ่มเม็ดเงินเสริมผู้เล่นชื่อดังฝีมือดีเข้ามาเพื่อความแข่งแกร่ง และพร้อมจะไล่ล่าแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศไทยกันในครั้งนี้ให้จงได้ ส่วนทีมไหนงบน้อยหน่อยก็อาจจะหันไปเน้นดาวรุ่งขึ้นมาเสริมทีมแทน เพื่อความหวังในการผ่านเข้าไปเล่นต่อเลกที่ 2 ซึ่งหลังจากทางผู้จัดการแข่งขันได้เปิดรายชื่อนักกีฬาของแต่ละสโมสรออกมาแฟน ๆ วอลเลย์บอลหลายคนก็ตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก ดังนั้นเราจึงได้คัดผู้เล่นที่เรียกได้ว่าสร้างเซอร์ไพรส์ และคิดว่าน่าจะส่งผลกระทบต่อการแข่งขันในฤดูกาลก่อน ๆ มาให้เพื่อน ๆ ได้ทำความรู้จักกันทั้งหมด 3 คน
เริ่มต้นกันที่คนแรกกับ ปลื้มจิตร์ ถินขาว หรือ หน่อง 1 ในตำนานจากชุด 7 เซียนที่ยังลงเล่นอยู่ในวงการวอลเลย์บอลไทยแลนด์ลีก ซึ่งแฟน ๆ นักตบลูกยางต้องรู้จักเธออย่างแน่นอน แม้ทุกวันนี้เจ้าตัวจะเลิกเล่นทีมชาติไปแล้ว แต่ก็ยังคงความเป็นไอดอล และตัวอย่างของเด็กรุ่นใหม่หลาย ๆ คนซึ่งหลงใหลในกีฬาชนิดนี้อยู่
ก่อนอื่นต้องขอย้อนกลับไปยังช่วงปี ค.ศ. 2013 กันก่อน ซึ่งตอนนั้นมีข่าวดังว่าสโมสรฟุตบอลอันดับต้น ๆ ของเมืองไทยจะเข้ามาร่วมทำทีมในวอลเลย์บอลไทยลีกด้วย แต่ก็ยังไม่มีใครทราบว่าเป็นสโมสรใดกัน จนเมื่อ ปลื้มจิตร์ ถินขาว อิ่มตัวจากลีกต่างประเทศ และบินกลับมายังเมืองไทยเพื่อหาทีมลงเล่น แฟน ๆ ก็คิดกันไปต่าง ๆ นานา ว่าสโมสรใดจะคว้าตัวเธอไป สุดท้ายก็ได้รู้เพราะเมื่อสโมสร บางกอกกลาส วีซี เปิดตัวในปี ค.ศ. 2014 หน่อง ก็กลายเป็นเซอร์ไพรส์ของทีม แถมยังรับบทบาทเป็นถึงกัปตันทีม กระต่ายแก้ว อีกด้วย ซึ่งตอนนั้นก็ถือว่าดีลนี้สร้างความน่าสนใจให้กับวงการวอลเลย์บอลไทยไม่น้อย โดยสุดท้าย หน่อง ก็สามารถพา บางกอกกลาส วีซี ประสบความสำเร็จเก็บแชมป์มาได้ทั้งหมด 5 รายการจาก 4 ปีที่เธอได้ร่วมเล่นกับสโมสร คือ ไทยแลนด์ลีก 2 สมัย, ไทยแลนด์ซูเปอร์ลีก 2 สมัย พร้อมสโมสรเอเชียอีก 1 สมัย
คนที่ 2 ไม่ใช่ใครที่ไหนเพราะเธอคือ วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์ หรือ กิ๊ฟ นั่นเอง ซึ่งเจ้าตัวคือกัปตันยุค 7 เซียนที่โด่งดัง และประสบความสำเร็จไม่ว่าจะในทางด้านทีมชาติ และสโมสร ยิ่งเป็นประสบการณ์ในลีกต่างประเทศต้องบอกเลยว่าเธอเคยร่วมทีมใหญ่ ๆ มาแล้วมากมายอย่างเช่นสโมสร เหิงต้า เอเวอร์แกรนด์ ของประเทศจีน แถมยังได้ลงเล่นกับ เฟ็ง คุน สุดยอดผู้เล่นงทีมชาติจีน และ โลแกน ทอม ดาวตบทีมชาติสหรัฐอเมริกา รวมไปถึงได้รับการฝึกสอนจาก หลาง ผิง ตำนานโค้ชของวงการวอลเลย์บอลจีนอีกด้วย
หากใครติดตามวอลเลย์บอลไทยมานานแล้วย่อมรู้ดีว่า วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์ เป็นคนนครราชสีมาขนานแท้ เธอเกิด และเติบโตที่นั้น ร่ำเรียนในโรงเรียน สุรนารีวิทยา ซึ่งเป็นทีมวอลเลย์บอลระดับมัธยมที่มีชื่อเสียงโด่งดัง โดยหลังจากที่เจ้าตัวเลิกเล่นทีมชาติพร้อมอิ่มตัวกับการลงเล่นในลีกต่างประเทศเป็นเวลาหลายปี จึงบินกลับมาลงเล่นในไทยแลนด์ลีกให้กับสโมสรนครราชสีมาอีกด้วย เหตุผลก็เพราะช่วงปี ค.ศ. 2014 ที่สโมสรบางกอกกลาสพึ่งก่อตั้งใหม่ ได้ดึงเอาผู้เล่นจากนครราชสีมาไปอยู่ด้วยหลายต่อหลายคน ทำให้แชมป์เก่าฤดูกาล 2013 – 2014 เหลือแค่ผู้เล่นไม่กี่คน และส่วนใหญ่ก็เป็นแค่ดาวรุ่ง สโมสรนครราชสีมา หรือ แมวปีศาจ จึงต้องการให้ กิ๊ฟ กลับมารับหน้าที่กัปตันเพื่อช่วยเหลือทีมบ้านเกิด โดยสุดท้ายเจ้าตัวก็สามารถพาทีมจบในอันดับที่ 5 รอดการตกชั้นได้สำเร็จ
ซึ่งในขณะนั้นไม่มีใครคาดคิดว่า กัปตันกิ๊ฟ จะลงเล่นให้ทีมบ้านเกิดอย่างโคราชเพียงแค่ฤดูกาลเดียว เพราะเมื่อช่วงก่อนเปิดฤดูกาล 2015 – 2016 หนึ่งในทีมใหญ่ของสโมสรวอลเลย์บอลไทยแลนด์ลีกอย่าง สุพรีม ชลบุรี-อี.เทค มีการแถลงข่าวเปิดตัวผู้เล่นใหม่ โดนเวลานั้นแฟน ๆ ก็ยังไม่ทราบว่าเป็นนักกีฬาคนใด จน ภานุวัฒน์ ขันธโมลีกุล ประธานของสโมสร สุพรีม ชลบุรี-อี.เทค ประกาศรายชื่อพร้อมกัปตันทีมคนใหม่ออกมาทุกคนก็ถึงกลับเซอร์ไพรส์เพราะมันคือชื่อของ วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์ และหลังจากนั้นพอแฟน ๆ ของสโมสรนครราชสีมาได้ทราบก็รู้สึกผิดหวังในตัว กัปตันกิ๊ฟ ทันที เพราะเจ้าตัวเคยบอกเอาไว้ว่า “ถ้าหากกลับมาเล่นในประเทศไทย จะไม่เล่นให้ทีมอื่นนอกจากสโมสรนครราชสีมา” ซึ่งเอาจริง ๆ เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ในวงการนักกีฬาอาชีพอยู่แล้ว ส่วนเหตุผลของ วิลาวัณย์ ก็ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าย้ายทีมเพราะอะไร มีเพียงข่าวลืมต่าง ๆ นาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าเหนื่อยในการลงเล่น หรือความไม่ลงรอยกันหลาย ๆ สิ่ง แต่สุดท้ายเมื่อเธอย้ายมายัง สุพรีม ชลบุรี-อี.เทค แล้วก็พาทีมประสบความสำเร็จ และคว้าแชมป์เอาไว้มากมายภายในเวลา 6 ฤดูกาล เช่น แชมป์ไทยแลนด์ลีก 3 สมัย แชมป์ไทยแลนด์ซูเปอร์ลีก 3 สมัย พร้อมแชมป์สโมสรเอเชียอีก 2 สมัย
ในวงการกีฬาเรามักจะได้ยินโปรเจ็คต์เรื่องการสร้างทีมที่เต็มไปด้วยซุปเปอร์สตาร์อยู่บ่อย ๆ หากมองไปที่สโมสรฟุตบอลระดับโลกก็จะเห็นตัวอย่างง่าย ๆ กับทีม รีล มาดริด ยุคกาลาคติกอสที่มี เดวิดเบ็คแฮม หรือ บาร์เซโลน่า ในยุคของ เปป กวาร์ดิโอลา ที่มีผู้เล่นอย่าง เมสซี่ เป็นศูนย์กลาง แต่ลองหันมาดูในวอลเลย์บอลไทยแลนด์ลีกเมื่อก่อนนั้นก็เรียกได้ว่าไม่ค่อยมีสโมสรที่รวมนักตบลูกยางชื่อดังเอาไว้ด้วยกันเลย จนเมื่อสโมสรวอลเลย์บอลนครราชสีมา ยักษ์ใหญ่ในวงการขณะนั้นเปิดตัวผู้เล่นซึ่งจะใช้ลงแข่งขันในฤดูกาล 2018 – 2019 ก็ทำให้แฟน ๆ หลายคนได้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของวงการวอลเลย์บอลไทยลีก
โดยสโมสรวอลเลย์บอลนครราชสีมานั้นได้จัดผู้เล่นที่เป็นตำนาน 7 เซียนเช่น อรอุมา สิทธิรักษ์, นุศรา ต้อมคำ, อำพร หญ้าผา และ มลิกา กันทอง ให้สามารถมาอยู่ทีมเดียวกันได้ ถือว่าสร้างเซอร์ไพรส์ให้กับแฟน ๆ วอลเลย์บอลสุด ๆ แต่แค่นี้ยังไม่หมด เพราะสโมสรยังได้นำสุดยอดผู้เล่นทีมชาติญี่ปุ่นอย่าง ไม โอคุมูระ เข้ามาสู่ทีมด้วย แถมท้ายด้วยอดีตทีมชาติตุรกีอย่าง เยลิซ บาซ่า อีกหนึ่งคน การคว้าตัวผู้เล่นระดับโลกเข้ามาร่วมทีมนครราชสีมาครั้งนั้นทำให้ทีมสามารถกลับมาแทงคืนแชมป์วอลเลย์บอลไทยแลนด์ลีกได้ทันที ถึงสุดท้ายอาจจะพลาดท่าโดนสโมสรสุพรีม ชลบุรี-อี.เทค เก็บแชมป์ไทยแลนด์ซูเปอร์ลีกไปได้ แต่ก็ถือว่าทีมประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากแล้ว
จบลงไปแล้วกับบทความ ย้อนดูสุดยอดผู้เล่นวอลเลย์บอลไทยแลนด์ลีกที่ย้ายทีมแบบเซอร์ไพรส์ หากเพื่อน ๆ คนไหนติดตามการแข่งขันวอลเลย์บอลไทยแลนด์ลีกมาตลอดจะพบว่าหากทีมใดสามารถเสริมผู้เล่นเข้ามาได้ถูกจุด คอยช่วยเหลือสโมสรให้แข็งแกร่ง และมีประสิทธิมากยิ่งขึ้นแล้วละก็ พวกเธอก็จะสามารถสร้างความแตกต่างทั้งบนสนาม และม้านั่งสำรองได้อย่างเต็มเปียม ดังนั้นปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหากสโมสรไหนมีผู้เล่นที่เก่งกาจก็ยอมนำพามาซึ่งชัยชนะไปแล้วครึ่งทาง