ตำนาน 7 เซียน มลิกา กันทอง ลูกชาวนาที่กลายเป็นนักวอลเลย์บอลแนวหน้า

ประวัตินักกีฬาวอลเลบอล ดังๆของไทย

สำหรับคนไทยแล้วความเชื่อในเรื่องการกตัญญูกตเวทีนั้นเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมซึ่งฝังรากลึกมานาน ทำให้นักกีฬาสมัยก่อนหลาย ๆ คนมีแรงบันดาลใจที่อยากจะช่วยแบ่งเบาภาระของครอบครัว และเป็นพลังขับเคลื่อนให้เกิดความสำเร็จ ยิ่งถ้าเป็นครอบครัวที่ต้องหาเช้ากินค่ำด้วยแล้ว ยิ่งต้องผลักดันต่อสู้กับความยากลำบากมากขึ้นไปอีก โดย มลิกา กันทอง ก็เป็นหนึ่งในนักกีฬาที่เลือกเส้นทางสายวอลเลย์บอล และประสบความสำเร็จอย่างงดงาม แต่กว่า ปู จะผ่านมาถึงปัจจุบันก็เรียกได้ว่าต้องสู้ชีวิตอย่างหนัก โดยบทความ ตำนาน 7 เซียน มลิกา กันทอง ลูกชาวนาที่กลายเป็นนักวอลเลย์บอลแนวหน้า ของเราจะพาเพื่อน ๆ ไปรับรู้ถึงเรื่องราวของเธอคนนี้อย่างสนุกเข้มข้น ดังนั้นอย่ามัวรอช้า ไปติดตามกันต่อได้เลย

ตำนาน 7 เซียน มลิกา กันทอง ลูกชาวนาที่กลายเป็นนักวอลเลย์บอลแนวหน้า 1

เมื่อช่วงปี ค. ศ. 2021 ที่ผ่านมา FIVB หรือสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ ได้ทำการเขียนประวัติ และเรื่องราวของนักวอลเลย์บอลไทยทั้ง 5 คน ผ่านเว็บไซต์ www.fivb.com อย่างเป็นทางการ โดยส่วนใหญ่จะเป็นการเล่าถึงผลงาน และที่มาที่ไปคร่าว ๆ ของนักตบลูกยางไทยว่ากว่าที่แต่ละคนจะเดินทางมาจนถึงจุดสูงสุดในอาชีพ และได้รับความนิยมขนาดนี้เป็นอย่างไร รวมถึงต้องผ่านอะไรมาบ้างถึงจะก้าวขึ้นมายืนอยู่ในระดับหัวแถวของวงการวอลเลย์บอลได้ ซึ่งทั้ง 5 คนนั้น ก็คือ อรอุมา สิทธิรักษ์ และ วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์ ในตำแหน่งหัวเสา, ปลื้มจิตร ถินขาว ในตำแหน่งบอลสั้น, นุศรา ต้อมคำ ในตำแหน่งมือเซต และคนสุดท้ายก็คือ มลิกา กันทอง หรือ ปู ในตำแหน่งบีหลัง ที่เราจะมาเล่าเรื่องราวของเธอให้เพื่อน ๆ ฟังกันในวันนี้ ส่วนถ้าใครคนไหนอยากอ่านรายละเอียดเป็นภาษาอังกฤษก็ลองเข้าไปหาดูในหัวข้อ Thailand’s Fab Five กันได้

ตำนาน 7 เซียน มลิกา กันทอง ลูกชาวนาที่กลายเป็นนักวอลเลย์บอลแนวหน้า 2

เดิมทีแล้วครอบครัวบ้านเกิดชาวนาของ มลิกา กันทอง อยู่ที่จังหวัดอ่างทอง ซึ่งทางบ้านทำอาชีพเป็นเกษตรกร โดยเธอก็ยังคงต้องช่วยงานต่าง ๆ ที่บ้านในยามว่างด้วย ซึ่งนี่กลายเป็นเหตุผลหลัก ๆ ตั้งแต่ยังเด็กที่เจ้าตัวทำการตัดสินใจอย่างจริงจังเพื่อจะกลายเป็นนักวอลเลย์บอลอาชีพให้จงได้ และอีกสิ่งที่ต้องทำให้สำเร็จไปด้วยก็คือการได้ทุนเรียนฟรีจนถึงระดับปริญญาตรี ซึ่งหากทำได้ก็จะช่วยลดค่าเล่าเรียนของตัวเองไม่ต้องลำบากพ่อกับแม่ รวมไปถึงอยากมีฐานะมั่นคงเพื่อจะช่วยดูแลครอบครัวในวันข้างหน้าด้วย โดยความฝันเหล่านี้ล้วนแต่เป็นแรงผลักดันให้ ปู ตั้งใจกับการฝึกซ้อมอย่างหนักในทุก ๆ วัน เพื่อที่จะเป็นนักตบลูกยางตั้งแต่อยู่ชั้นประถมซึ่งเธอก็สามารถทำมันได้ดี จนกระทั้งถึงชั้นมัธยมก็เพิ่มความเก่งกาจมากยิ่งขึ้นทำให้ถูกเรียกตัวเข้าไปติดชุดยุวชนทีมชาติ จนก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยในเวลาต่อมา และสิ่งที่เกินคาดของ มลิกา ก็คือการถูกเรียกตัวไปติดทีมชาติชุดใหญ่นั้นเอง แถมที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เจ้าตัวยังได้ทุนการศึกษาอย่างที่คิดเอาไว้ด้วย

ตำนาน 7 เซียน มลิกา กันทอง ลูกชาวนาที่กลายเป็นนักวอลเลย์บอลแนวหน้า 3

หลังจากติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ช่วงกำลังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต มลิกา กันทอง ก็ได้โอกาสลงประเดิมสนามอย่างเป็นทางการครั้งแรกในทัวร์นาเมนต์เอเชียนเกมส์ 2006 ณ กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ โดยเธอได้มาร่วมทีมครั้งนี้ในฐานะผู้เล่นสารพัดประโยชน์ เพราะเจ้าตัวมีความสามารถรอบด้าน จะถูกจับไปเล่นบทบาทไหน หรือตำแหน่งใดก็ทำได้ดีทั้งหมด ซึ่งเธอก็ยินดีเพราะขอแค่ให้ได้ลงสนามก็พร้อมจะทุ่มเทให้กับทุก ๆ อย่าง ไม่ว่าโค้ชจะให้เล่นตำแหน่งบีหลังที่ตนถนัด หรือตำแหน่งหัวเสา รวมถึงตำแหน่งบอลสั้นก็แสดงทักษะออกมาได้ดีไม่แพ้กัน เรียกได้ว่าครบเครื่องสุด ๆ สำหรับนักตบลูกยางคนนี้ที่พร้อมจะลงไปเปลี่ยนเกมได้ในหลายตำแหน่ง แถมจุดเด่นนี้ยังเป็นประโยชน์กับกับทีมชาติมาก ๆ อีกด้วย และเมื่อเลยช่วงดาวรุ่งจนกลายมาเป็นตัวหลักของนักตบลูกยางสาวไทยแล้ว ปู ก็ได้ลงเล่นในตำแหน่งบีหลังตลอด อาจจะมีบ้างบางครั้งที่จำเป็นต้องโยกไปเล่นตำแหน่งอื่น ๆ 

ตำนาน 7 เซียน มลิกา กันทอง ลูกชาวนาที่กลายเป็นนักวอลเลย์บอลแนวหน้า 4

หนึ่งในผู้ฝึกสอนของวอลเลย์บอลทีมชาติไทยเคยบอกเอาไว้ว่า มลิกา กันทอง อาจไม่ได้ตบหนักเท่าผู้เล่นคนอื่น ๆ แต่เธอทดแทนด้วยความรวดเร็ว คล่องตัว และเฉียบคม อีกทั้งยังสามารถลงไปยืนยังตำแหน่งต่าง ๆ ได้แบบไม่ติดขัด พร้อมลงเล่นเสมอไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด เป็นผู้เล่นที่เล่นได้ยอดเยี่ยมทั้งหัวเสา และบีหลัง ทำให้เจ้าตัวกลายเป็นหนึ่งในกำลังหลักของนักตบลูกยางสาวไทยยุคนั้นอย่างไม่มีข้อสงสัย

ผลงานในสนามที่ว่าดีแล้ว สำหรับเรื่องนอกสนามก็ดีไม่แพ้กัน เพราะ มลิกา เป็นนักตบลูกยางที่มีภาพลักษณ์อันดีงาม และได้รับการชื่นชมจากแฟน ๆ วอลเลย์บอลจำนวนมาก เพราะเธอทำตัวแบบคนธรรมดาปกติทั่ว ๆ ไป มีชีวิตไม่หวือหวา มีความเรียบง่าย โดยเจ้าตัวมักจะใช้เวลาว่างอยู่กับครอบครัวเสียส่วนใหญ่ เมื่อไรที่เว้นวางจากการแข่งขัน หรือการฝึกซ้อม ปู ก็จะกลับบ้านในจังหวัดอ่างทองไปช่วยพ่อแม่พี่น้องทำนาเหมือนที่เคยช่วยมาตั้งแต่เด็ก ๆ ซึ่งในเรื่องนี้ก็มีให้สัมภาษณ์เอาไว้กับเว็บไซต์ www.fivb.com ของ FIVB อีกด้วย ทำให้แฟน ๆ ทั่วโลกเกิดความประทับใจในการใช้ชีวิตนอกสนามของ มลิกา กันทอง มาก ๆ

ตำนาน 7 เซียน มลิกา กันทอง ลูกชาวนาที่กลายเป็นนักวอลเลย์บอลแนวหน้า 5

มลิกา กันทอง มักจะวางตัวได้ดี ก่อนหน้าเคยเป็นอย่างไรมาก่อนก็พยามตัวให้เป็นเหมือนเดิม คิดว่าตนเองยังเป็นแค่นักวอลเลย์บอลทั่ว ๆ ไป ยังคงทำงานหนัก และขยันฝึกซ้อมเช่นเคย ไม่ได้คิดว่าตนเองเป็นระดับแนวหน้า หรือซูเปอร์สตาร์แบบที่ทุก ๆ คนเรียกเธอ แต่นั้นก็ยิ่งเป็นแบบอย่างให้กับดาวรุ่งหลาย ๆ คนที่อยากจะประสบความสำเร็จเหมือนกับ มลิกา

แต่เส้นทางของ ปู ยังคงต้องเจอความท้าทายแม้จะประสบความสำเร็จแล้วก็ตาม เพราะเธอต้องเผชิญหน้ากับโรคที่ไม่คาดคิดว่าจะเป็นมาก่อนอย่าง ไทรอยด์เป็นพิษ หากย้อนกลับมาดูช่วงที่ มลิกา กันทอง เริ่มติดทีมชาติไทยชุดใหญ่เมื่อประมาณปี ค.ศ. 2006 จนกระทั้งผ่านการลงแข่งหลายต่อหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็นระดับทีมชาติ หรือระดับสโมสร เธอก็เก็บทัวร์นาเมนต์ระดับโลกมาเกือบครบทั้งหมดแล้ว และหลังจากเธอกลายเป็นนักวอลเลย์บอลที่ดีที่สุดในช่วงนั้น แถมได้รับฉายา 7 เซียนจากแฟน ๆ มลิกา อีกทั้งยังมีโอกาสบินไปเล่นวอลเลย์บอลอาชีพในลีกต่างแดนกับหลาย ๆ ทีม ซึ่งทีมสุดท้ายคือสโมสร อาเซอร์เรล บากู ในประเทศอาเซอร์ไบจาน

ตำนาน 7 เซียน มลิกา กันทอง ลูกชาวนาที่กลายเป็นนักวอลเลย์บอลแนวหน้า 6

แต่น้อยนักที่จะมีคนทราบว่าเธอเคยถูกตรวจพบว่ามีอาการป่วย ต้องต่อสู้กับโรคร้าย และต้องหยุดพักเพื่อรักษาอาการหลายเดือนทำให้พลาดการลงเล่นในรายการสำคัญ ๆ กับทีมชาติไทย เช่นทัวร์นาเมนต์วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย และวอลเลย์บอลซีเกมส์ เมื่อช่วงปี ค.ศ. 2017 ซึ่งอาการไทรอยด์เป็นพิษนี้อาจจะทำให้ร่างกายของ มลิกา กันทอง อ่อนแอลง แต่จิตใจของเจ้าตัวยังคงเข้มแข็งอยู่ สุดท้ายจึงสามารถเอาชนะอาการป่วยสำเร็จ ก่อนจะกลับมาลงสนามอีกครั้ง และพาต้นสังกัดอย่างสโมสร เจนเนอราลี่ สุพรีมฯ รวมทั้งสโมสร นครราชสีมาฯ คว้าแชมป์วอลเลย์บอลไทยแลนด์ลีกมาครองได้สำเร็จเมื่อปี ค.ศ. 2017 และ ค.ศ. 2018 ตามลำดับ

หวังว่าบทความ ตำนาน 7 เซียน มลิกา กันทอง ลูกชาวนาที่กลายเป็นนักวอลเลย์บอลแนวหน้า จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับเพื่อน ๆ ซึ่งเป็นคนทั่ว ๆ ไป หรือนักตบลูกยางรุ่นใหม่ ที่กำลังรู้สึกเหนื่อยหน่ายอ่อนล้ากับสิ่งที่กำลังทำอยู่ เพื่อให้สามารถต่อสู้กับความยากลำบากซึ่งกำลังเผชิญหน้าต่อไปได้ ดังนั้นเราจึงขอส่งกำลังใจให้กับทุก ๆ ท่านที่มีความพยาม และมีเป้าหมายในชีวิต เพราะหากไม่ท้อแท้ และพร้อมจะฝ่าฟันกับอุปสรรคต่าง ๆ ที่ขวางทางแล้วละก็ ความสำเร็จซึ่งหวังกันเอาไว้ก็คงจะมาถึงในสักวันอย่างแน่นอน สำหรับวันนี้เราขอลาไปก่อน พบกันใหม่กับบทความวอลเลย์บอลดี ๆ ในโอกาสหน้า สวัสดีครับ

บทความล่าสุด

หมวดหมู่

TAG