ถ้าถามแฟน ๆ วอลเลย์บอลไทยพันธุ์แท้ว่าตำแหน่งมือเซตยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยมีมาของทีมชาติหญิงไทยคือใคร เชื่อว่าเกินกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ต้องตอบว่า นุช นุศรา ต้อมคำ แน่นอน ซึ่งทุกคำถามล้วนถูกตอบด้วยความสามารถ และมันก็มาจากการฝึกซ้อมอย่างหนักบวกกับความมีวินัยของนักกีฬา โดยผลงานของเธอที่คอยส่งบอลให้เพื่อน ๆ ร่วมทีมตบทำคะแนนอย่างต่อเนื่องแม่นยำ จนกระทั่งทำให้เจ้าตัวสามารถก้าวขึ้นไปครองอันดับ 1 มือเซตของโลกมาครองได้สำเร็จนั้นมีความหมายกับตนเอง และวงการวอลเลย์บอลไทยเป็นอย่างมาก วันนี้เราจึงจะพาเพื่อน ๆ ไปอ่านประวัติคร่าว ๆ พร้อมความคิดเห็นกับ ความเชื่อมั่นของอนาคตวอลเลย์บอลไทยยุคใหม่กับ นุศรา ต้อมคำ กันเลย
ก่อนจะที่ นุศรา ต้อมคำ จะกลายเป็นผู้เล่นตำแหน่งมือเซตอันดับ 1 ของโลกนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เพราะในตอนเด็ก ๆ นั้น เธอไม่ได้คิดว่าจะเล่นวอลเลย์บอลจริงจังเลยด้วยซ้ำ เพราะ นุช ก็เหมือนกับเด็กสาวทั่ว ๆ ไปที่เล่นกีฬาเพราะความสนุกสนาน แต่ด้วยความที่เจ้าตัวมีพี่สาวเป็นนักวอลเลย์บอลอยู่แล้ว ทำให้เธอต้องรอพี่สาวฝึกซ้อมก่อนกลับบ้าน สุดท้ายโค้ชเห็นว่า นุช พอเล่นได้จึงถูกดึงไปสู่การฝึกซ้อมกับทีมโรงเรียนพร้อม ๆ พี่สาวเลย
ตอนประมาณประถม 3 – 4 โรงเรียนที่ นุศรา ต้อมคำ อยู่จะส่งนักเรียนผู้หญิงออกไปแข่งขันวอลเลย์บอล เมื่อได้เห็นเพื่อน ๆ เล่นเจ้าตัวจึงอยากจะลองเล่นดูบ้าง และได้เล่นตำแหน่งตัวเซตตั้งแต่แรกเลย ซึ่งตอนนั้นที่โรงเรียนเรียกตัวเซตว่าตัวตั้ง อีกทั้งไม่ค่อยมีคนสนใจจะเล่นตำแหน่งนี้เพราะได้แต่ส่งไม่ได้ตบทำแต้ม แต่เธอก็ไม่ได้คิดมากเพราะเห็นว่าได้เล่นบอลบ่อยกว่าเพื่อน ๆ ตำแหน่งอื่น โดยช่วงแรกก็ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป แต่หลังจากฝึกซ้อมนานเข้าก็มีการพัฒนาขึ้น รวมถึงมีประสบการณ์ในการแข่งขันกับโรงเรียนอื่น ๆ ทำให้เธอเก่งกว่าที่เคย
ต่อมาเมื่อ นุศรา ต้อมคำ เติบโตขึ้น และโชว์ฟอร์มจนเข้าตาโค้ชหลาย ๆ คน เธอก็ได้เริ่มต้นไปสู่บทบาทของทีมชาติไทย โดยเริ่มจากชุดยุวชนก่อน ซึ่งตอนนั้น นุช ก็พาทีมไปจบในอันดับที่ 2 ของรายการเอเชียได้สำเร็จ เธอจึงอยากจะเล่นวอลเลย์บอลให้จริงจังมากกว่าเดิม จนสุดท้ายเมื่อนักตบลูกยางรุ่นพี่เลิกราจากทีมชาติไทยชุดใหญ่ไป เจ้าตัวจึงได้รับโอกาสติดทีมชาติในตำแหน่งมือเซตพร้อมคว้ามันเอาไว้ทันที
การกลายเป็นนักตบลูกยางทีมชาติไทย และได้ลงแข่งขันในรายการใหญ่เป็นสิ่งที่ไม่คาดฝันของ นุศรา โดยทัวร์นาเมนต์แรกที่เจ้าตัวได้สัมผัสคือ วอลเลย์บอล เวิลด์ กรังด์ปีซ์ 2003 ซึ่งเธอมีโอกาสลงไปโชว์ฟอร์มในสนามพอสมควร จนเมื่อเวลาผ่านไป นุช ก็แสดงให้เห็นถึงความเก่งกาจแบบสุด ๆ จนได้เป็นตัวหลักของวอลเลย์บอลสาวทีมชาติไทย และทำให้ทีมใหญ่ ๆ ในลีกวอลเลย์บอลต่างประเทศอยากเซ็นสัญญาดึงเธอไปร่วมทีม ไม่ว่าจะเป็นลีกสุดแข็งอย่างตุรกี ลีกอาเซอร์ไบจาน หรือลีกของสวิตเซอร์แลนด์ ทั้งหมดนี้ นุศรา ต้อมคำ ก็ได้ไปลุยมาหมดแล้ว โดยทุกลีกที่เธอผ่านการลงเล่นล้วนเป็นประสบการณ์ที่ช่วยพัฒนาฝีมือให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ และยังส่งผลให้ทีมชาติไทยมีชื่อเสียงเพิ่มอีกด้วย
ด้วยความอัจฉริยะในการอ่านเกม และการส่งลูกถึงมือเพื่อน ๆ ร่วมทีมได้หลากหลายรูปแบบ หลังจากผ่านไป 7 ปี นุศรา ต้อมคำ ก็พาสาว ๆ ทีมชาติไทยคว้าแชมป์เอเชียมาครองได้ครั้งแรกเป็นประวัติศาสตร์ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่มีใครคิดว่านักตบลูกยางของไทยจะทำได้มาก่อน โดยพวกเธอต้องฝ่าฟันกับทีมชั้นนำใหญ่ ๆ ระดับเอเชียที่ทั้งโหดทั้งแข็งแกร่ง และมีมาตรฐานสูงกว่าไทยหลายต่อหลายทีม เช่นประเทศญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ หรือจีนก็ตาม ซึ่งชัยชนะครั้งนี้เรียกได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนของวงการวอลเลย์บอลหญิงไทยยุคนั้นอย่างแท้จริง โดยทัวร์นาเมนต์นี้ทำให้ทุก ๆ คนมีความภูมิใจ เชื่อมั่นในตนเอง และมั่นใจมากยิ่งขึ้น พร้อมกล้าที่จะสู้ และโค่นล้มทีมที่มีอันดับโลกเหนือกว่าไทยแบบไม่เกรงกลัวใครอีกต่อไป โดย นุช บอกว่าการได้แชมป์เอเชียครั้งนั้นเปลี่ยนความคิดของสาว ๆ ในทีมชาติไทยไปเลยว่าขนาดทีมชาติจีนพวกเธอยังเอาชนะได้ เวลาสู้กับทีมชาติอื่น ๆ ก็ต้องเอาชนะได้เช่นกัน
ถึงแม้ นุศรา ต้อมคำ จะคว้ารางวัลให้ทั้งทีมชาติ ทีมสโมสร หรือรางวัลส่วนตัวมาได้อย่างมากมาย แต่มีทัวร์นาเมนต์เดียวที่อยากได้ลงเล่นสักครั้งในชีวิตก็คือการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์นั่นเอง เพราะก่อนที่เจ้าตัวจะเลิกเล่นให้กับทีมชาตินั้นเคยบอกกับเพื่อน ๆ เอาไว้ว่าอยากจะเดินถือธงชาติไทยในกีฬาโอลิมปิกครั้งเพื่อเป็นเกียรติให้กับตนเอง และประเทศชาติ ซึ่งสุดท้ายสาว ๆ ทีมชาติไทยพยามทำเต็มที่ทุกคนแล้วแต่ก็ต้องผิดหวัง เอาจริง ๆ ก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากเพราะโอลิมปิกจะถูกจัดขึ้นทุก ๆ 4 ปีครั้ง ถึงจะตั้งเป้าหมายไว้แต่รายการอื่น ๆ ระหว่างทางก็สำคัญไม่แพ้กัน วันนี้อาจจะยังไม่ใช่วันของเราแต่วันหน้าน้อง ๆ นักวอลเลย์บอลทีมชาติไทยอาจจะก้าวไปถึงตรงนั้นก็เป็นได้
มาถึงความเชื่อมั่นกับนักตบลูกยางสาวทีมชาติไทยในยุคใหม่ ซึ่งความคิดเห็นของ นุศรา ต้อมคำ กับประสบการณ์ทางด้านวอลเลย์บอลที่ถูกสั่งสมมานานกว่า 20 ปีทั้งใน และนอกประเทศมีความน่าสนใจอย่างยิ่ง โดยเจ้าตัวบอกว่าน้อง ๆ ทีมชาติไทยยุคนี้มีคุณภาพสูง มีความกระตือรือร้น ตั้งใจฝึกซ้อม กล้าที่จะก้าวไปข้างหน้า มีความเก่งกาจพอจะเป็นความหวังให้กับแฟน ๆ กีฬาวอลเลย์บอลทุกคน และสามารถเข้ามาทดแทนรุ่นพี่ได้ อีกทั้งยังถ่อมตัวพร้อมบอกว่าเด็ก ๆ สมัยนี้มีศักยภาพมากกว่าเธอ หากแต่จะต้องคอยเก็บเกี่ยวประสบการณ์เพิ่มอีกซักหน่อย เมื่อเวลาผ่านไปหลาย ๆ อย่างจะช่วยให้น้อง ๆ กลายเป็นนักวอลเลย์บอลระดับโลกได้เอง และสุดท้ายจะนำความสำเร็จมาสู่วงการวอลเลย์บอลของประเทศไทยได้อย่างแน่นอน ซึ่งนี่ก็คือคำกล่าวของ นุช อดีตมือเซตอันดับ 1 ของโลก
ที่ นุศรา ต้อมคำ บอกนั้นไม่ได้เกินจริงซักเท่าไร เพราะจากที่ช่วงท้าย ๆ เธอยังทันลงเล่นกับน้อง ๆ ทีมชาติไทยรุ่นใหม่ ทำให้เห็นความสามารถ และพัฒนาการของหลาย ๆ คน ซึ่งในช่วงแรก ๆ บางคนจะยังเกร็ง ๆ อยู่อาจเพราะต้องร่วมเล่นกับตนเอง แต่ นุช ก็บอกตลอดว่าให้เด็ก ๆ ทุกคนกล้าเล่น ในทีมเท่ากันหมดไม่มีคำว่าพี่น้องเพื่อให้ทุกคนผ่อนคลาย และโชว์ฟอร์มออกมาได้อย่างเต็มศักยภาพในขณะแข่งขัน มีอะไรก็พยามสอนพยามแนะนำไม่ว่าเรื่องใน หรือนอกสนามเพื่อให้สาว ๆ ทำผลงานออกมาได้ดี ส่วนสุดท้ายที่สำคัญไม่แพ้สิ่งใด ๆ คือกำลังใจ ต่อให้ท้อต่อให้แพ้ซักกี่ครั้งก็ตามจงเริ่มต้นใหม่ด้วยความเชื่อมั่นพร้อมความมั่นใจในตนเอง ให้คิดตลอดว่าเมื่อเข้ามาเป็นหนึ่งในทีมชาติไทยแล้ว จงทำให้ดีที่สุด เพราะยังมีนักวอลเลย์บอลอีกมากมายที่อยากจะมายืนอยู่ตรงนี้แต่ทำไม่ได้ ดังนั้นทำให้เต็มที่ ทำให้สุดความสามารถจะได้ไม่เสียใจทีหลัง และเธอยังเชื่ออีกว่าสาว ๆ นักตบลูกยางรุ่นใหม่นี้จะทำผลงานได้ยอดเยี่ยมแน่ ๆ
นี่ก็คือบทความ ความเชื่อมั่นของอนาคตวอลเลย์บอลไทยยุคใหม่กับ นุศรา ต้อมคำ แม้ปัจจุบัน นุศรา ต้อมคำ จะอายุ 37 ปี และไม่ได้เล่นวอลเลย์บอลอาชีพแล้ว แต่เธอยังคงดูแลตนเองได้ดีอยู่ ซึ่งเจ้าตัวก็ติดตามวงการนักตบลูกยางอยู่เรื่อย ๆ ด้วยเช่นเดียวกัน อีกทั้งสมัยก่อน นุช อยู่ในเส้นทางวอลเลย์บอลมากว่า 20 ปี ไม่ว่าจะเป็นกับทีมชาติ หรือสโมสรต่าง ๆ จึงมีคำแนะนำดี ๆ มามอบให้เด็ก ๆ รุ่นใหม่ได้ฟังกันทุกครั้งที่มีการสัมภาษณ์ สุดท้ายตำนานมือเซตสาวสุดเทพคนนี้จะมีผลงาน หรือหน้าที่อะไรเกี่ยวข้องกับนักวอลเลย์บอลทีมชาติไทยอีกหรือไม่ แฟน ๆ ก็ต้องรอดูกันอีกทีนะ