เปิดประวัติตำนานบีหลังทีมชาติกับ มลิกา กันทอง

มลิกา กันทอง หรือ ปู เกิดวันที่ 8 มกราคม ค.ศ. 1987 ปัจจุบันอายุ 36 ปี ส่วนสูง 178 ซม. น้ำหนักประมาณ 78 กก. กระโดดตบ 292 ซม. กระโดดบล็อก 278 ซม. อดีตนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยที่มีลูกตบอันสุดหนักหน่วง โดยมีสถิติ​ความแรงบอลถึง​ 96.94 km/h ซึ่งแน่นอนว่าแฟน ๆ วงการวอลเลย์บอลรุ่นใหญ่คงจะรู้จักเธอกันเป็นอย่างดี แต่ถ้าหากเพื่อน ๆ คนไหนยังไม่รู้จัก หรือเคยเห็นเจ้าตัวเล่นมาก่อน วันนี้เราจะพาทุกคนไปอ่านเรื่องราวของอดีตนักตบลูกยางทีมชาติไทยอย่าง มลิกา ในบทความ เปิดประวัติตำนานบีหลังทีมชาติกับ มลิกา กันทอง

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าวงการวอลเลย์บอลหญิงไทยเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในยุคของ 7 เซียน ไม่เพียงแต่แฟนพันธุ์แท้เท่านั้น บุคคลทั่ว ๆ ไปก็เริ่มหันมาดูมาทำความรู้จัก และให้ความสนใจกับเหล่านักตบลูกยางไทยมากกว่าเดิม เพราะพวกเธอได้สร้างชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกไม่ใช่แค่เพียงในประเทศเท่านั้น อีกทั้งทัพนักกีฬาไทยยังเป็นแรงบันดาลใจกับเด็ก ๆ เยาวชนรุ่นใหม่ให้หันมาเริ่มเล่นวอลเลย์บอลกันเพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยตำนานนักตบทั้ง 7 คนนี้ก็มีไอดอลนักกีฬาของนักตบรุ่นน้องอย่าง มลิกา กันทอง รวมอยู่ด้วย ถึงปัจจุบันเจ้าตัวจะเลิกเล่นทีมชาติไทยไปแล้ว แต่ก็ยังคงลงแข่งขันอยู่ในวอลเลย์บอลหญิงไทยแลนด์ลีกกับทีม โลมาสีชมพู หรือ สโมสรวอลเลย์บอลสุพรีม ทิพย ชลบุรี-อี.เทค นั่นเอง และวันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ ไปพบกับความคิดเห็นของเธอต่อวงการวอลเลย์บอลไทยยุคใหม่กัน

ย้อนไปยังวัยเด็ก มลิกา กันทอง มีความรัก และชื่นชอบในกีฬาวอลเลย์บอลเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว แต่สมัยชั้นประถมก็ยังไม่ได้มีการฝึกที่จริงจังซักเท่าไร เมื่อขึ้นสู่ชั้นมัธยม ปู ก็ได้ก้าวต่อไปยังโรงเรียนกีฬาจังหวัดสุพรรณบุรีเพื่อหวังว่าที่โรงเรียนนี้จะช่วยยกระดับให้เก่งขึ้นได้ แต่พอเข้าไปฝึกซ้อมจริง ๆ แล้ว เพื่อน ๆ คนอื่นกลับเก่งเกินกว่าเธอเกือบทุกคน ทำให้ได้เป็นเพียงแค่ตัวสำรอง และคอยส่งน้ำให้นักกีฬาตัวจริงเท่านั้น จนเวลาผ่านไป 3 ปี ก็ยังไม่ได้รับโอกาส เจ้าตัวจึงตัดวินใจย้ายไปโรงเรียนอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดชัยนาท เมื่อไปถึงก็ต้องเริ่มทุกอย่างใหม่หมดอีกครั้ง ซ้อมเบสิกตั้งแต่ต้น มีโค้ชที่เคี่ยวเข็ญอย่างหนัก ไม่ปล่อยปะละเลย ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องดีกับตนเอง เพราะมันกลายเป็นว่าสิ่งเหล่านี้ทำให้เธอพัฒนาขึ้น เล่นดีขึ้น มีความหวังว่าจะแสดงศักยภาพให้เห็น และกลายเป็นผู้เล่นตัวจริงให้ได้ อีกทั้งเกิดความรู้สึกว่าในอนาคตอยากจะติดทีมชาติไทยให้จงได้ถึงแม้จะเป็นเรื่องไกลตัวก็ตาม

หลังจากมีความเก่งกาจพร้อมพกความมั่นใจมาเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ มลิกา กันทอง ก็ได้กลับมาสู่โรงเรียนกีฬาสุพรรณบุรีอีกครั้ง และได้อาจารย์ ธนกฤต อินเลี้ยง สนับสนุนให้ ปู ไปทำการคัดตัวนักกีฬาวอลเลย์บอลระดับเยาวชนทีมชาติอยู่เรื่อย ๆ จนกระทั่งเจ้าตัวสามารถติดทีมชาติได้สมดั่งใจหวัง ถึงจะเริ่มต้นจากจากเป็นตัวสำรองของทีม เพราะตำแหน่งบอลเร็วมีแต่คนที่สูงกว่าเธอมาก ๆ แต่การไปบินไปแข่งขันยังต่างประเทศก็ช่วยเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับเธอ เมื่อเวลาผ่านไปซักพักในฐานะทีมชาติไทยชุดใหญ่ มลิกา ก็ถูกปรับเปลี่ยนตำแหน่ง โดยโค้ชโยกเธอมาเล่นในตำแหน่งใหม่คือบีหลัง เมื่อย้ายมาตรงนี้แล้วก็ทำได้ดีเกินคาดจึงลงเล่นเป็นบีหลังตั้งแต่นั้นมา ซึ่งตอนนั้นในความเป็นเด็กน้อยในทีมชาติไทย ทำให้เกิดอาการตื่นเต้นเมื่อต้องซ้อมร่วมกับรุ่นพี่เก่ง ๆ มากมาย โดยเฉพาะเมื่อเจอกับ ต๋อย พัชรี แสงเมือง วอลเลย์บอลรุ่นใหญ่ระดับตำนานอีกหนึ่งคนของไทย

มลิกา กล่าวว่าตอนนั้นขณะที่กำลังซ้อมอยู่ แล้วรับลูกเสิร์ฟไม่ดีจนกระดอนไปโดน พัชรี แสงเมือง ตนเองจึงโดนว่าบ่อย ๆ ว่าให้รับดี ๆ ต้องรับลูกให้ได้หลังจากนั้นก็กลัวพี่เขาเลย รวมถึงโค้ชทีมชาติไทยชื่อดังอย่าง เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร หรือ อ๊อต ก็ชอบดุด้วยเช่นกัน อีกทั้งโค้ชเป็นคนเสียงดังทำให้เพิ่มความน่ากลัวขึ้นไปอีก แต่ก็ยังดีตรงที่พี่ ๆ ในทีมชาติก็คอยปลอบใจตลอด ซึ่งตรงนี้ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้พวกเรามีความเป็นทีมเวิร์คด้วย จนเมื่อตนเองมีชื่อติดทีมชาติไปลงแข่งขันในทัวร์นาเมนต์วอลเลย์บอลชิงแชปม์เอเชีย และสามารถคว้าแชมป์เอเชียให้กับทีมชาติไทยได้เป็นประวัติศาสตร์ครั้งแรก วงการวอลเลย์บอลบ้านเราที่ไม่ค่อยได้รับความนิยมมากเท่าไรจึงโด่งดังขึ้นมาทันที และมีแฟน ๆ รุ่นใหม่เกิดขึ้นมามากมาย พร้อมมาต้อนรับที่สนามบินกันแบบอุ่นหนาฝาคั่ง ซึ่งการที่นักตบลูกยางสาวไทยประสบความสำเร็จในครั้งนี้ได้สร้างชื่อเสียงให้กับตนเอง และสร้างชื่อเสียงของประเทศอย่างกว้างขวาง ยังไม่นับว่ามันเป็นการปลุกกระแสวงการกีฬาวอลเลย์บอลให้ตื่นฟื้นหลังจากหลับใหลเป็นเวลากว่า 20 ปีอีกด้วย

เมื่อเริ่มมีชื่อเสียงมากยิ่งขึ้น มลิกา กันทอง ก็ได้ถูกทาบทามจากทีมในลีกต่างประเทศมากมาย และได้บินไปเล่นวอลเลย์บอลอาชีพกับชาติต่าง ๆ แบบมีความมั่นใจ เพราะหลังจากคว้าแชมป์เอเชียบวกกับประสบการณ์อันแกร่งกล้าที่เผชิญมา ทำให้เชื่อมั่นในความสามารถของตนเอง และลงเล่นได้แบบเต็มที่ไม่ว่าจะต้องเจอกับสโมสรใด หรือทีมไหน ๆ โดยสโมสรแรก ๆ ที่เข้ามายื่นข้อเสนอก็คือลีกจากประเทศอาเซอร์ไบจาน จึงได้ทราบว่าวงการลีกอาชีพของประเทศนี้ได้รับความนิยมสูงพอสมควร มีการจ้างนักตบลูกยางเก่ง ๆ มาสร้างสีสัน พร้อมกับการแข่งขันที่ได้ลุ้นกันแบบสนุก หากเปรียบเทียบกับวอลเลย์บอลไทยแลนด์ลีกในตอนนั้นยังขาดการสนับสนุนที่ดี และยังดูไม่เป็นมืออาชีพเท่าที่ควร ซึ่งเส้นทางตอนนี้ของ ปู ดูเหมือนจะโรยด้วยกลีบกุหลาบแล้ว แต่สุดท้ายกับมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับเธอจนได้

ขณะที่เส้นทางอาชีพของ มลิกา กันทอง กำลังโลดแล่นในลีกอาชีพ ณ ประเทศอาเซอร์ไบจาน และทำผลงานได้ยอดเยี่ยม แต่ก็ดันเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันมาก่อน เพราะอยู่ ๆ สุขภาพร่างกายของเธอกลับแย่ลง การเคลื่อนไหวต่าง ๆ ในการฝึกซ้อมก็เป็นไปในทางที่ไม่ดี สุดท้ายจึงต้องทำการตรวจกับแพทย์ และพบว่า ปู นั้นเป็นโรคไทรอยด์ โดยเจ้าตัวนั้นเสียใจมาก ๆ ที่ต้องเผชิญหน้ากับโรคไทรอยด์ในช่วงที่สำคัญกับอาชีพนักกีฬาแบบนี้ อีกทั้งไม่แน่ใจอีกว่าตนเองจะสามารถกลับมาสู่วงการวอลเลย์บอลได้หรือไม่ และแพทย์ห้ามเด็ดขาดว่าไม่ให้ออกกำลังกายหนักเกินไป แต่สุดท้ายก็ยังมีโชคดีในโชคร้ายอยู่บ้างเพราะเมื่อเธอรักษาตัวอย่างจริงจังได้ประมาณครึ่งปีก็กลับมาเล่นวอลเลย์บอลได้อีกครั้ง ซึ่งหลังจากกลับมาเป็นปกติจากที่เคยเล่นเกิน 100 เปอร์เซ็นต์ ตอนนี้ก็ต้องเซฟสภาพร่างกายมากกว่าเก่า

เมื่อถามถึงความคิดเห็นต่อวงการวอลเลย์บอลสมัยนี้กับนักตบลูกยางรุ่นใหม่ ๆ มลิกา กันทอง ก็มีความเชื่อมั่นใจตัวของน้อง ๆ ว่าจะสามารถพัฒนาไปได้ไกลกว่าตนเอง ด้วยการที่ลีกของประเทศไทยมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น แถมยังมีเกมการแข่งขันแบบต่อเนื่องให้คอยฝึกฝีมือ และลีกนอกประเทศก็ให้ความสนใจในนักตบสาวไทยมากกว่าที่เคย ทำให้เด็กรุ่นใหม่มีโอกาสเปิดกว้าง พร้อมเรียนรู้ต่อยอดจากที่รุ่นพี่ ๆ เคยผ่านประสบการณ์เหล่านี้มาก่อน และสามารถนำมันมาสร้างประโยชน์ให้กับนักวอลเลย์บอลหญิงไทยได้อีกมากมาย เรียกได้ว่าน่าจะเก่งกาจกว่ายุค 7 เซียนของตนเองด้วย ซึ่ง ปู เองก็ติดตามพร้อมคอยส่งกำลังใจให้น้อง ๆ ทัพนักกีฬาทีมชาติไทยตลอด และขอให้ทุก ๆ คนกลายเป็นแรงบัลดาลใจให้เด็ก ๆ รุ่นเยาวชนที่ในอนาคตจะต้องขึ้นมาทดแทนด้วย

เป็นอย่างไรกันบ้างกับ เปิดประวัติตำนานบีหลังทีมชาติกับ มลิกา กันทอง แฟน ๆ วอลเลย์บอลรุ่นใหม่หลังจากอ่านบทความนี้จบก็คงจะได้รู้จักถึงตัวตนของ ปู มลิกา มากยิ่งขึ้นแล้ว อีกทั้งยังได้ทราบถึงแง่คิดต่าง ๆ พร้อมประสบการณ์ของเจ้าตัวในการเป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลด้วย สำหรับครั้งหน้าเราจะนำเรื่องราวดี ๆ ของอดีตนักวอลเลย์บอลสาวทีมชาติไทยคนไหนมาแบ่งปันกัน อย่างลืมรอติดตามกันนะ