พิมพิชยา ก๊กรัมย์ นักวอลเลย์บอลที่เก่งขึ้นทันตาหลังบินไปเล่นในลีกญี่ปุ่น

ประวัตินักกีฬาวอลเลบอล ดังๆของไทย

บีม หรือ พิมพิชยา ก๊กรัมย์ วัย 24 ปี ผู้เล่นในตำแหน่งตัวตบตรงข้ามหัวเสา (Opposite spiker) คือนักตบลูกยางทีมชาติไทยชุดปัจจุบันที่เคยฝากผลงานเอาไว้มากมายทั้งในนามทีมชาติ และทีมสโมสร โดยเธอติดทีมชาติไทยมาประมาณ 9 ปี แล้ว เริ่มตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 2014 ถึงปัจจุบัน ซึ่งก่อนหน้านั้นก็ติดทีมชาติมาทุกชุด ไล่ตั้งแต่ ชุดยุวชน ชุดเยาวชน และชุดอายุไม่เกิน 23 ปี พร้อมกวาดเหรียญรางวัลมานับไม่ถ้วน แฟน ๆ วอลเลย์บอลบอกว่าเจ้าตัวนั้นเก่งอยู่แล้ว แต่หลังจากที่ บีม ไปเข้าร่วมทีมเป็นส่วนหนึ่งกับสโมสร คูโรเบะ อควาแฟรีส์ ทุก ๆ คนจึงเห็นแล้วว่าเธอสามารถยกระดับการเล่นของตัวเองขึ้นมาได้อีกขั้นจริง ๆ และในวันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ มาพบกับบทความ พิมพิชยา ก๊กรัมย์ นักวอลเลย์บอลที่เก่งขึ้นทันตาหลังบินไปเล่นในลีกญี่ปุ่น เพื่อให้ทราบถึงความแตกต่างของนักกีฬาไทยที่มีโอกาสลงเล่นยังลีกต่างแดน

พิมพิชยา ก๊กรัมย์ นักวอลเลย์บอลที่เก่งขึ้นทันตาหลังบินไปเล่นในลีกญี่ปุ่น 1

สำหรับนักวอลเลย์บอลไทยแล้ว หากมีฝีมือเก่งกาจ และมีตัวเลือกจริง ๆ หลาย ๆ คนน่าจะอยากลองไปหาความท้าทายพร้อมรับค่าเหนื่อยที่เพิ่มขึ้นยังลีกต่างแดนแน่นอน แต่ก็ไม่ใช่ว่านักตบลูกยางคนไหนอยากจะไปก็ได้ไป เพราะมันต้องประกอบไปด้วยปัจจัยหลายอย่าง รวมถึงคนคนนั้นต้องมีฟอร์มอันสุดยอด และพิสูจน์ตนเองในทัวน์นาเมนต์ระดับโลกมาแล้วเช่นเดียวกับนักวอลเลย์บอลไทยยุค 7 เซียนที่ผ่านมา ซึ่ง พิมพิชยา ก๊กรัมย์ ก็เป็นหนึ่งในสาวไทยที่สร้างผลงานเอาไว้อย่างน่าทึ่ง ทาง คุโรเบะ อะควา ไฟรีส์ ของ วี.ลีก สโมสรในประเทศญี่ปุ่นจึงทำการดึงตัวเธอเข้าสู่ทีมเพื่อเสริมความแข็งแกร่งทันที โดย บีม นั้นจะได้สวมใส่เสื้อเบอร์ 26 ของคล้ายเสื้อเบอร์ 16 ของทีมชาติของเจ้าตัวนั่นเอง

พิมพิชยา ก๊กรัมย์ นักวอลเลย์บอลที่เก่งขึ้นทันตาหลังบินไปเล่นในลีกญี่ปุ่น 2

พิมพิชยา ก๊กรัมย์ เกิดเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ค.ศ. 1999 เป็นคนจังหวัดบุรีรัมย์ เริ่มเล่นกีฬาวอลเลย์บอลตั้งแต่ยังเป็นเด็กอนุบาล โดยการคว้าแชมป์สร้างชื่อเสียงให้ตนเองกับรายการวิทยุการบินฯ มินิวอลเลย์บอล เมื่อถึงวัยที่โตขึ้นมาอีกหน่อย บีม เข้าก็ไปเรียนต่อยังโรงเรียนกีฬานครนนท์วิทยา 6 จังหวัดนนทบุรี ซึ่งที่นี่มีการฝึกซ้อมเป็นแบบแผน และเธอก็ทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง หลังจากนั้นก็ก้าวไปสู่สโมสรนครนนท์ พร้อมช่วยทีมเก็บชัยชนะมาได้มากมายหลายต่อหลายรายการ ด้วยฟอร์มมันร้อนแรงส่งผลให้เธอมีรายชื่อติดทีมชาติไทยในการแข่งขันเยาวชนชิงแชมป์เอเชีย อายุต่ำกว่า 19 ปี ที่ประเทศใต้หวัน และสุดท้ายก็พาทีมคว้าอันดับที่ 4 ได้สำเร็จ ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าตัวยังเคยทำผลงานเจ๋ง ๆ มาแล้วกับทีมชาติไทยรุ่นอายุต่ำว่า 17 ปีด้วยการเก็บรางวัลรองแชมป์เอเชียมาครอง เรียกได้ว่า บีม เป็นดาวรุ่นซึ่งถูกจับมองมากที่สุดคนหนึ่งในประเทศไทยในขณะนั้นเลยทีเดียว

พิมพิชยา ก๊กรัมย์ นักวอลเลย์บอลที่เก่งขึ้นทันตาหลังบินไปเล่นในลีกญี่ปุ่น 3

จากเด็กน้อยดาวรุ่งอนาคตไกลก้าวขึ้นสู่ทีมชาติไทยชุดใหญ่ด้วยความองอาจ พิมพิชยา ก๊กรัมย์ นั้นมีทุกอย่างที่นักวอลเลย์บอลฝีมือดีคนหนึ่งควรจะมี ไม่ว่าจะเป็นส่วนสูง รูปร่าง และการเล่นเกมรุกอันดุดัน หากจะนับแค่นักตบลูกยางในตำแหน่ง หรือวัยเดียวกันเจ้าตัวถือว่าได้เปรียบมาก ๆ นั่นเป็นเหตุผลให้ บีม มีคุณสมบัติพอจะติดทีมชาติตั้งแต่วัยเด็ก จนมาถึงช่วงที่ติดทีมชาติไทยชุดอายุต่ำกว่า 23 ปี ในรายการชิงแชมป์เอเชียที่ประเทศฟิลิปปินส์ เธอจึงกลายเป็นผู้เล่นหลักพร้อมคว้าตำแหน่งรองแชมป์มาได้แบบสมศักดิ์ศรี เมื่อเส้นทางถูกปูมาให้ติดทีมชาติชุดใหญ่ขนาดนี้ เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร หรือ โค้ชอ๊อต ก็ไม่รอช้ารีบเรียกตัว พิมพิชยา เข้ามาสู่ภายใต้การคุมทีมของเขาทันที และเธอได้รับโอกาสลงเล่นกับรุ่นพี่ทีมชาติไทยในรายการซีเกมส์ 2015 ที่ประเทศสิงคโปร์พร้อมเก็บเหรียญทองมาฝากแฟน ๆ ชาวไทย อีกทั้งยังได้ร่วมทัวร์นาเมนต์เวิลด์กรังด์ปรีซ์ ด้วยเช่นเดียวกัน 

พิมพิชยา ก๊กรัมย์ นักวอลเลย์บอลที่เก่งขึ้นทันตาหลังบินไปเล่นในลีกญี่ปุ่น 4

ส่วนทางฝั่งของสโมสรนั้น พิมพิชยา ก๊กรัมย์ อยู่กับทีม ทรีบรอดแบนด์ นครนนท์ และไม่เคยย้ายไปเล่นกับทีมอื่น ๆ ในไทยแลนด์ลีกเลย จะมีก็แค่บินไปเก็บประสบการณ์กับสโมสร บันดุง แบงค์ ที่ประเทศอินโดนีเซียซักพักก่อนที่จะกลับมาประเทศไทยเพื่อช่วยนครนนท์อีกครั้งช่วงรอบรองชนะเลิศ

หลังจากเจ้าตัวได้เคยย้ายไปทดลองฝีมือยังลีกโปรลีกากับ บันดุง แบงค์ ของประเทศอินโดนีเซียแล้ว ก็มีสโมสรจากแดนปลาดิบอย่าง คุโรเบะ อะควา ไฟรีส์ ติดต่อมาเพื่อขอให้เธอไปร่วมทีมด้วย บีม จึงกลายเป็นสาวไทยคนแรกในสโมสร คุโรเบะ อะควา ไฟรีส์ แถมยังเป็นนักวอลเลย์บอลอาเซียนคนที่ 2 ต่อจาก ดินดิน ซานติอาโก-มานาบัต นักตบลูกยางตำแหน่งบีหลังของประเทศฟิลิปปินส์อีกด้วย

พิมพิชยา ก๊กรัมย์ นักวอลเลย์บอลที่เก่งขึ้นทันตาหลังบินไปเล่นในลีกญี่ปุ่น 5

พอ พิมพิชยา ก๊กรัมย์ ได้ย้ายไปยัง วี.ลีก เพื่อร่วมทีมกับสโมสร คุโรเบะ อะควา ไฟรีส์ แล้ว เธอก็จะมีโอกาสได้ลงเล่นกับนักตบลูกยางจากสหรัฐอเมริกาในตำแหน่งบีหลังอย่าง เมเรเต ลุตซ์ ที่มีฝีมือ และประสบการณ์สูง เพราะสาวคนนี้เคยโชว์ฟอร์มกับทีมเก่าด้วยการพาสโมสรคว้าแชมป์ใน โคโว วี-ลีก ของประเทศเกาหลีใต้มาแล้ว เห็นแบบนี้แฟน ๆ อาจจะกังวลว่า เมเรเต ลุตซ์ จะทับตำแหน่งกับ บีม หรือเปล่า แต่จริง ๆ สโมสรที่ญี่ปุ่นได้จับ พิมพิชยา ย้ายตำแหน่งจากบีหลังไปเล่นหัวเสาแทน และถึงแม้ คุโรเบะ อะควา ไฟรีส์ จะไม่ใช่สโมสรอันดับต้น ๆ ของ วี.ลีก เท่าไร เพราะต้องลุ้นหนีตกชั้นบ่อย ๆ แต่ก็ยังถือว่าเจ้าตัวได้เล่นอยู่บนลีกสูงสุดของประเทศญี่ปุ่น โดยการย้ายทีมข้ามประเทศครั้งทำให้ให้ บีม ต้องยกระดับตนเองยิ่งขึ้นเพราะจากปกติที่จะเจอแต่ผู้เล่นในประเทศ กลายเป็นการเผชิญหน้ากับผู้เล่นระดับสูงกว่าเดิม

พิมพิชยา ก๊กรัมย์ นักวอลเลย์บอลที่เก่งขึ้นทันตาหลังบินไปเล่นในลีกญี่ปุ่น 6

แม้ภาพรวมของสโมสร คุโรเบะ อะควา ไฟรีส์ จะไม่ได้เป็นทีมยักษ์ใหญ่ในลีกญี่ปุ่นก็ตาม แต่อย่างไรก็ตามภาพรวมของ วี.ลีก ก็ยังแข็งแกร่งมาก ๆ อยู่ดี นั้นทำให้การออกไปเล่นของ พิมพิชยา ก๊กรัมย์ ให้กับ คุโรเบะ อะควา ไฟรีส์ ส่งผลดีมากกว่าย้ำอยู่กับที่ในไทยแลนด์ลีกแน่ ๆ ซึ่งแฟน ๆ วอลเลย์บอลชาวไทยก็น่าจะเห็นผลลัพธ์แล้วว่าหลังจาก บีม ได้ประสบการณ์จากประเทศญี่ปุ่นมาแล้วก็สามารถโชว์ฟอร์มเทพให้กับทีมชาติไทยได้แบบยอดเยี่ยม เริ่มตั้งแต่ทัวร์นาเมนต์ซีเกมส์ 2021 ต่อเนื่องจนถึงรายการ เนชั่นส์ ลีก และใน เนชั่นส์ ลีก นี่เองที่พิสูจน์ฝีมือของเจ้าตัวว่าถูกยกระดับขึ้นมาอีกแค่ไหน เพราะเธอตบทำคะแนนให้สาวไทยไปอย่างล้นหลาม รวมถึงลูกเสิร์ฟทำแต้มก็พัฒนาขึ้น การบล็อกก็ดีกว่าเดิม ทำให้สุดท้ายแล้ว พิมพิชยา ก็พาทีมชาติไทยจบรายการไปในอันดับที่ 8 ของตารางจากทั้งหมด 16 ทีม

พิมพิชยา ก๊กรัมย์ นักวอลเลย์บอลที่เก่งขึ้นทันตาหลังบินไปเล่นในลีกญี่ปุ่น 7

ถ้าแฟน ๆ ท่านใดได้ชมเกมในรายการ เนชั่นส์ ลีก จะเห็นถึงความแตกต่างได้อย่างชัดเจนว่า พิมพิชยา ก๊กรัมย์ นั้นเติบโตขึ้น มีพัฒนาการทั้งในส่วนของเกมรุก และเกมรับ มีรูปแบบการเข้าทำที่หลากหลายมาก ๆ รวมถึงมีฟอร์มที่นิ่ง มีความสม่ำเสมออยู่ตลอด ซึ่งหากเจ้าตัวไม่ได้ไปเล่นกับ คุโรเบะ อะควา ไฟรีส์ ใน วี.ลีก ก็อาจจะทนกับความกดดันระว่างเกมไม่ค่อยดีก็เป็นได้ แน่นอนว่าความเข้มข้นในการฝึกฝน ระเบียบวินัยที่ประเทศญี่ปุ่นย่อมมากกว่าที่ไทย ทั้งหมดจึงเป็นคำตอบว่าไทยควรส่งนักตบลูกยางออกไปลงเล่นในลีกต่างแดนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

จบลงแล้วกับบทความ พิมพิชยา ก๊กรัมย์ นักวอลเลย์บอลที่เก่งขึ้นทันตาหลังบินไปเล่นในลีกญี่ปุ่น เพื่อน ๆ ได้อ่านแล้วเป็นอย่างไรกันบ้าง คิดว่าการที่นักตบลูกยางชาวไทยข้ามไปเล่นยังลีกต่างประเทศซึ่งมีมาตรฐานสูงกว่าไทยแลนด์ลีกนั้นจะเกิดประโยชน์มากน้อยแค่ไหนกับวงการวอลเลย์บอลบ้านเรา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผลงานของทีมชาติย่อมเป็นคำตอบกับแฟน ๆ เป็นอย่างดีแล้วว่า หากยิ่งมีผู้เล่นชาวไทยที่ได้รับโอกาสไปร่วมงานในสโมสรต่างชาติเยอะมากขึ้นเท่าไร อนาคตที่จะไต่อันดับโลกให้สูงยิ่งกว่าเดิมน่าจะสามารถทำได้ไม่ยาก

บทความล่าสุด

หมวดหมู่

TAG