ในช่วงที่กีฬาชนิดไหนกำลังดัง และมีชื่อเสียงโดดเด่นขึ้นมา คุณพ่อคุณแม่ก็มันอยากจะให้ลูก ๆ ไปลองฝึกกีฬาชนิดนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอล แบดมินตัน เทนนิส เทควันโด วิ่ง หรือวอลเลย์บอลซึ่งปัจจุบันกำลังฮิตสุด ๆ อยู่ในขณะนี้ แต่ผู้ปกครองจะทราบได้อย่างไรว่าเด็กน้อยของคุณอยู่ในช่วงวัยที่จะสามารถเข้ามาฝึกซ้อม ลองเล่น หรือทดสอบก่อนว่าพวกเขาจะชื่นชอบกับกีฬาวอลเลย์บอลหรือเปล่า และมันจะส่งผลต่อการเจริญเติบโตพร้อมสร้างความแข็งแรงได้ซักแค่ไหน วันนี้เราจึงได้นำบทความ วอลเลย์บอลดีต่อเด็กอย่างไร และเด็กควรเริ่มเล่นกันในวัยไหน มาให้เพื่อน ๆ ได้ศึกษาก่อน เพื่อจะได้นำไปปรับปรุงใช้กับลูก ๆ หรือหลาน ๆ ของท่านได้อย่างเหมาะสม
1. ทำไมถึงควรให้ลูกเล่นวอลเลย์บอล
ทำไมถึงควรให้ลูกเล่นวอลเลย์บอล ว่าด้วยเรื่องกติกาหลัก ๆ ของกีฬาชนิดนี้เป็นกีฬาประเภทกลุ่ม ต้องร่วมเล่นกับทีมฝั่งตนเองทั้งหมด 6 คน เด็ก ๆ จึงได้พบเจอเพื่อนใหม่ ๆ ส่งผลให้เกิดการพูดคุยสื่อสารกับผู้อื่นบ่อย ๆ เสริมวิธีการเข้าสังคม เข้าใจกันละกัน มีความสามัคคีสูง อีกทั้งยังได้รับความสนุกสนานอีกด้วย และเมื่อต้องพบเจอกับฝั่งตรงข้ามตอนแข่งขัน วอลเลย์บอลก็จะสอนให้รู้แพ้รู้ชนะรู้อภัย ส่วนในเรื่องของการออกกำลังกายนั้นก็จะคอยช่วยฝึกกล้ามเนื้อให้พัฒนา พร้อมสุขภาพที่แข็งแรงยิ่งขึ้น
2. วัยที่ควรเริ่มเข้ามาสู่วงการวอลเลย์บอล
วัยที่ควรเริ่มเข้ามาสู่วงการวอลเลย์บอลของลูก ๆ หลาน ๆ นั้น ควรจะให้พวกเขามีอายุประมาณ 8 ถึง 10 ปีเสียก่อน เนื่องจากกีฬาวอลเลย์บอลนั้นมีการใช้ทักษะ และกล้ามเนื้อหลาย ๆ ส่วน หากอายุต่ำกว่านี้ อาจจะยังไม่เข้าใจเกม กล้ามเนื้อยังพัฒนาได้น้อย หรือรองรับอารมณ์จากการฝึกฝนได้ไม่เหมาะสมเท่าที่ควร จึงทำให้วัยประถมเป็นช่วงที่สามารถเข้ามาอบรมในระดับเบื้องต้นได้ดีกว่า
3. พ่อแม่ควรรู้จักกติกาวอลเลย์บอลเบื้องต้น เพื่อให้คำแนะนำแก่ลูกได้ถูกต้อง
พ่อแม่ควรรู้จักกติกาวอลเลย์บอลเบื้องต้น เพื่อให้คำแนะนำแก่ลูกได้ถูกต้องว่ามีวิธีการเล่นอย่างไร และอย่างน้อยผู้ปกครองจะต้องทราบไว้บ้างถึงรูปแบบการเล่นคราว ๆ ดังนี้
3.1 โดยทีมรุกที่จะทำการเสิร์ฟนั้นต้องเป็นผู้เล่นที่ยืนอยู่ทางขวาด้านหลัง และไปเสิร์ฟท้ายสนามหลังเส้นสีขาว หลังจากนั้นก็เพื่อน ๆ ในทีมก็จะขยับวนตามเข็มนาฬิกาเพื่อมาประจำตำแหน่งเสิร์ฟต่อไป
3.2 การเสิร์ฟแค่ละครั้งจะต้องรอสัญญานกหวีดจากผู้ตัดสินก่อน หลังจากนั้นต้องเสิร์ฟภายใน 5 วินาที
3.3 ทีมไหนได้คะแนน ทีมนั้นจะได้เป็นผู้เสิร์ฟจนกว่าจะเสียคะแนน ถึงจะมีการเปลี่ยนให้ฝ่ายตรงข้ามเป็นทีมเสิร์ฟ
3.4 เมื่อลูกวอลเลย์บอลข้ามฝั่งมาอยู่ที่ฝ่ายไหน ฝ่ายนั้นจะสามารถสัมผัสลูกได้เพียงแค่ 3 ครั้ง (ไม่นับลูกบล็อก)
3.5 ฝ่ายรับสามารถกระโดดบล็อกสกัดกั้นหน้าตาข่ายได้ แต่ห้ามเหยีบเส้นกลางสนาม และห้ามสัมผัสกับตาข่ายเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นจะถือว่าผิดกติกา
3.6 แต่ละทีมสามารถขอเวลานอกเพื่อแก้เกมวางแผนได้ 2 ครั้งต่อ 1 เซต โดยจะมีเวลาให้ทั้งหมดครั้งละ 30 วินาที
3.7 เมื่อการแข่งขันจบลงในแต่ละเซต จะทำการเปลี่ยนฝั่งเล่น
4. วิธีการนับคะแนนของวอลเลย์บอล
วิธีการนับคะแนนของวอลเลย์บอล คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ คนอาจจะงงกับคะแนนของกีฬาชนิดนี้ แต่จริง ๆ แล้วมันเข้าใจได้ไม่ยากเลย แถมรู้แล้วยังจะช่วยให้ลูก ๆ ฝึกการคิด และนับเลขได้อีกด้วย
4.1 แต้มที่ได้รับในแต่ละครั้งจะนับเป็น 1 คะแนน
4.2 ทีมจะได้รับคะแนนก็ต่อเมื่อลูกวอลเลย์บอลไปตกยังเขตแดนของทีมฝั่งตรงข้าม
4.3 จะมีผู้ชนะในเซตนั้น ๆ ก็ต่อเมื่อทีมไหนได้รับแต้มครบ 25 คะแนนก่อน แต่ถ้าทั้ง 2 ทีมคะแนนมาหยุดอยู่ที่ 24 ต่อ 24 เท่ากันในเซตปกติก็จะเกิดแต้มดิวส์ขึ้นมา และหากทีมใดทำแต้มได้มากกว่า 2 แต้มก่อนก็จะได้รับชัยชนะเซตนั้นไปทันที
4.4 ส่วนผู้ชนะในเกมจะต้องสามารถเอาชนะทีมคู่แข่งให้ได้ 3 ใน 5 เซตตามกติกากำหนด
5. กีฬาวอลเลย์บอลดีอย่างไร
กีฬาวอลเลย์บอลดีอย่างไร จริง ๆ แล้วมีข้อดีมากมายที่ลูก ๆ ของคุณจะได้รับในกีฬาวอลเลย์บอลโดยจะแบ่งออกเป็นหัวข้อย่อย ๆ ดังนี้
5.1 เป็นกีฬาที่เล่นไม่ยาก วอลเลย์บอลนั้นเป็นกีฬาที่เล่นง่าย ๆ จริง ๆ แล้วจะเล่นคนเดียวก็ทำได้ เพียงแค่ฝึกเซต หรือฝึกใช้แขนเดาะบอลอยู่แถวบ้านก็ทำได้สะดวกสบาย รวมถึงการฝึกเบา ๆ แบบนี้ยังสามารถเล่นได้ทุกเพศทุกวัยอีกด้วย
5.2 เชื่อมความสัมพันธ์ ขึ้นชื่อว่ากีฬาแบบทีมย่อมต้องมีความเชื่อมต่อกับคนอื่น ๆ ในระดับหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมทีม หรือผู้ปกครองก็สามารถร่วมเล่นกับลูก ๆ เพื่อเพิ่มความสนิทสนมกลมเกลียว มอบความรักความเข้าใจให้กันมากยิ่งขึ้นก็ได้
5.3 ฝึกการควบคุมอารมณ์ การเล่นกีฬาบางครั้งอาจจะเกิดการกระทบกระทั่งกัน หรือผิดใจกันบ้าง แต่ถ้าหากลูกน้อยได้ผ่านประสบการณ์แบบนี้ และมีทั้งโค้ชกับพ่อแม่คอยสั่งสอนคอยเตือนก็จะช่วยให้เด็กได้รับรู้ว่าพฤติกรรมแบบไหนถูกแบบไหนผิด แบบไหนควรทำไม่ควรทำ
5.4 ได้คิดวิเคราะห์วางแผน ฝึกสติ จดจ่ออยู่กับการฝึกซ้อม หรือการแข่งขัน ลดอาการสมาธิสั้นได้เป็นอย่างดี
5.5 เพิ่มความคล่องตัวคล่องแคล่ว ช่วยให้เด็ก ๆ มีไหวพริบ ไม่เอื่อยเฉื่อย แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และทำการตัดสินใจได้อย่างเฉียบคมรวดเร็ว
5.6 ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ โดยการฝึกซ้อมบ่อย ๆ สามารถเล่นได้สะดวกตามความเหมาะสม และฝึกการแบ่งเวลาได้ดี
5.7 มีระเบียบวินัย เมื่อมีกฎกติกาที่ต้องปฏิบัติตาม ลูกน้อยก็จะรู้จักเชื่อฟังกับระเบียบข้อบังคับในเกมการแข่งขัน และสามารถนำมาปรับปรุงใช้กับชีวิตจริงได้ด้วย
5.8 มอบความอดทน ไม่มีอะไรที่ได้มาอย่าง่าย ๆ การเล่นวอลเลย์บอลให้เป็นก็เช่นกัน กว่าเด็ก ๆ จะเก่งได้ต้องใช้เวลา และต้องฝึกหนักพอสมควร ดังนั้นเขาจะได้ฝึกความอดทนเพื่ออนาคตที่ดีกว่าเดิม
6. ช่วยเสริมสร้างสมรรถภาพทางร่ายกาย
ช่วยเสริมสร้างสมรรถภาพทางร่ายกาย กีฬาวอลเลย์บอลจะมอบความแข็งแรงให้เด็ก ๆ และสามารถเสริมร่างกายของพวกเขาให้เจริญเติบโตได้ดียิ่งขึ้นดังต่อไปนี้
6.1 ช่วยในเรื่องการทำงานของระบบเผาผลาญเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการเล่นวอลเลย์บอลเพียงแค่ 30 นาที ก็จะเผาผลาญพลังงานได้ประมาณ 90 ถึง 130 กิโลแคลอรีเลยทีเดียว (ขึ้นอยู่กับความเข้มข้น และน้ำหนักตัว)
6.2 เพิ่มมวลกล้ามเนื้อ ยกกระชับรูปร่าง เสริมความแข็งแกร่ง โดยกีฬาวอลเลย์บอลนั้นมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ซึ่งจะทำให้เด็ก ๆ ได้กล้ามเนื้อเกือบทุกส่วน
6.3 เสริมระบบประสาทของร่างกาย สำหรับขณะแข่งขันวอลเลย์บอลนั้นต้องใช้ความว่องไวในการขยับ และไหวพริบในการตัดสินใจ จึงช่วยให้เกิดการกระตุ้นต่อระบบประสาทกับส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ดี
6.4 กระตุ้นสมอง พอได้คิด ได้ใช้แผนการต่าง ๆ คอยแก้ไขระหว่างเล่นวอลเลย์บอล สมองจึงต้องสั่งการบ่อย ๆ ทำเกิดการพัฒนาทางด้านความคิด
6.5 เกิดศักยภาพที่ยอดเยี่ยม เพียงลูก ๆ ของคุณต้องเคลื่อนที่กับการเล่นวอลเลย์บอลอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 12 นาที ก็จะใกล้เคียงกับการวิ่งประมาณ 1.5 กิโลเมตร
6.6 มอบความสุข รู้สึกสนุกสนาน และสามารถคลายเครียดจากการเรียนอย่างหนักได้ในแต่ละวัน
จบลงไปแล้วสำหรับบทความ วอลเลย์บอลดีต่อเด็กอย่างไร และเด็กควรเริ่มเล่นกันในวัยไหน คุณพ่อคุณแม่ได้อ่านแล้วก็น่าจะพอทราบ และเข้าใจประโยชน์พร้อมกติกาคราว ๆ ของกีฬาชนิดนี้กันแล้ว ดังนั้นถ้าหากใครกำลังจะตัดสินใจอยู่ว่าจะพาบุตรหลานของตนเองไปเล่นไปเรียนวอลเลย์บอลดีไหม เราต้องขอบอกตรงนี้เลยว่า กีฬาวอลเลย์บอลนั้นจะช่วยเพิ่มความแข็งแรง และช่วยพัฒนาทางด้านต่าง ๆ ทั้งร่างกายกับจิตใจเป็นอย่างมาก ดังนั้นถ้าเด็ก ๆ อยู่ในวัยอันเหมาะสม หรือชื่นชอบการออกกำลังกายแล้วละก็ อยากให้ช่วยส่งเสริมพวกเขา เผื่อวันหนึ่งน้อง ๆ หนู ๆ อาจจะกลายเป็นอนาคตทีมชาติไทยก็ได้