ถ้าจะพูดถึงตำแหน่งเซตเตอร์ระดับเทพคนปัจจุบันของสาวไทยคงจะหนีไม่พ้น พรพรรณ เกิดปราชญ์ อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นฟอร์มอันสุดปังจนทำให้กลายเป็นมือเซตอันดับหนึ่งของรายการเนชั่น ลีก รวมทั้งฝีมือแจ่ม ๆ ที่เคยฝากไว้กับลีกแดนปลาดิบให้แฟน ๆ หลายคนได้เห็นกันไปแล้ว ซึ่งหากใครกำลังสงสัยว่าก่อนที่เจ้าตัวจะบินไปลงเล่นใน วี.ลีก เป็นอย่างไร หรือเธอจะทำผลงานให้กับสโมสร โตโยต้า ออโต้ บอดี้ ควินซีส์ ได้ยอดเยี่ยมแค่ไหน เราก็ขอเชิญไปพบกับบทความ พรพรรณ เกิดปราชญ์ นักวอลเลย์บอลสาวไทยกับการลงสนามในลีกสูงสุดของญี่ปุ่น กันเลย
พรพรรณ เกิดปราชญ์ นั้นเริ่มต้นในเส้นทางวอลเลย์บอลคล้ายกับนักกีฬาอีกหลาย ๆ คน แต่ที่พิเศษกว่านั้นคือคุณลุงของเธอเป็นโค้ชของโรงเรียนกีฬาในจังหวัดอ่างทอง ทำให้เจ้าตัวมีโอกาสฝึกฝนทักษะแบบถูกต้องมาตั้งแต่เด็ก ๆ ซึ่งการลงสนามแต่ละครั้ง ชมพู่ ก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม เมื่อเรียนจบชั้นมัธยม เธอก็ก้าวขึ้นไปติดทีมชาติไทยชุดยุวชน และชุดเยาวชนตามลำดับ และพอศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต ก็ได้รับโอกาสลงเล่นให้กับสโมสร ซัยโจเด็นกิ-นครนนทบุรี อีกด้วย
เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว พรพรรณ เกิดปราชญ์ ก้าวขึ้นมาติดทีมวอลเลย์บอลสาวไทยชุดใหญ่ได้ตามที่หวังเอาไว้ ซึ่งรายการแรกคือทัวร์นาเมนต์ ปริ๊นเซสคัพ 2012 และพาทีมชาติไทยคว้าแชมป์สำเร็จ โดยหลังจากนั้นเจ้าตัวก็มีรายชื่อในทีมชาติมาตลอด และได้ลงสนามแทบทุกรายการ กระทั่งในการแข่งขันใหญ่ ๆ อย่าง วอลเลย์บอลเวิลด์กรังด์ปรีซ์ 2013
ที่กล่าวว่า กัปตันชมพู่ เป็นเซตเตอร์ระดับโลกคนหนึ่งคงจะไม่เกินไปนัก เพราะเธอเคยได้รับรางวัล Best Setter หรือ ตำแหน่งเซตยอดเยี่ยมของลีกปี 2020 ขณะที่กำลังเล่นให้กับสโมสรขอนแก่นสตาร์ในวอลเลย์บอลไทยแลนด์ลีก และต่อมายังได้รางวัลมือเซตยอดเยี่ยมปี 2022 กับสโมสรจาการ์ตา พีจีเอ็น โปปซิโว โปลวาน (Jakarta Mandiri Popsivo Polwan) ในลีกอินโดนีเซีย รวมไปถึงทัวร์นาเมนต์ระดับนานาชาติอย่าง เนชั่น ลีก ปี 2022 ที่ผ่านมาก็สามารถคว้าตำแหน่งมือเซตอันดับ 1 ของรายการได้เช่นกัน โดยสถิติอันสวยหรูของ พรพรรณ ก็คือมีจำนวนการเซต 768 ครั้ง เซตสำเร็จ 503 ครั้ง เสีย 9 ครั้ง เฉลี่ยเซ็ตต่อแมตช์ละ 38.69 ครั้ง เซตสำเร็จ 39.30 เปอร์เซ็นต์ ความพยายามเซตทั้งหมด 1,280 ครั้ง
ย้อนกลับไปในการแข่งขันวอลเลย์บอลไทยเลนด์ลีกปี 2020 ช่วงที่กำลังมีวิกฤตคิวด 19 ตอนนั้นแชมป์ประเภทหญิงได้แก่สโมสร เจนเนอราลี่ สุพรีม ชลบุรี อี-เทค ส่วนในทัวร์นาเมนต์ระดับทีมชาติก็โดนยกเลิกจนหมด ใคร ๆ ต่างก็คิดว่าวงการวอลเลย์บอลน่าจะซบเซาลง จนเมื่อมีข้อมูลเกี่ยวกับนักกีฬาของไทยจะได้ย้ายไปเล่นใน วี.ลีก ก็ช่วยสร้างกระแสให้กลับมาอีกครั้ง ซึ่งชื่อของ พรพรรณ เกิดปราชญ์ ถูกพาดหัวข่าวอยู่บ่อย ๆ และสุดท้ายเจ้าตัวก็ได้โยกไปลงสนามให้กับสโมสร โตโยต้า ออโตบอดี้ ควีนซี่ (Toyota Autobody Queenseis) ในลีกสูงสุดของประเทศญี่ปุ่นฤดูกาล 2021 จริง ๆ
หากไม่นับ นุศรา ต้อมคำ มือเซตอันดับ 1 ของโลกในยุค 7 เซียนแล้ว พรพรรณ เกิดปราชญ์ ก็นับว่าเป็นที่ 1 ในตำแหน่งเซตเตอร์ของเมืองไทยได้เลย แต่บางคนอาจจะรู้สึกใจร้ายเกินไปถ้าจะเปรียบเทียบกับรุ่นพี่อย่าง นุช เพราะช่วงเวลาอันแตกต่างกัน ปัจจัยสิ่งแวดล้อมรอบตัว เพื่อนร่วมทีม และอีกหลาย ๆ สิ่ง แฟน ๆ ก็ย่อมจะยอมรับว่า ชมพู่ มาได้ไกลมาก ๆ แล้ว
สำหรับรางวัลต่าง ๆ ในวงการลูกยาง พรพรรณ เกิดปราชญ์ สามารถคว้ามาได้เกือบครบทุกรายการ เช่นวอลเลย์บอลหญิงไทยเดนมาร์คซูเปอร์ลีก, แชมป์ปรินเซสคัพ, แชมป์ไทยแลนด์ลีก, แชมป์วีทีวีอินเตอร์เนชันแนลคัพ และแชมป์สโมสรเอเชีย โดยปีสุดท้ายของเจ้าตัวกับไทยลีก ก็พาสโมสร ขอนแก่นสตาร์ จบตำแหน่งรองชนะเลิศในวอลเลย์บอลไทยแลนด์ลีกตอนฤดูกาล 2019 – 2020
หลังจากจบภารกิจในวอลเลย์บอลไทยแลนด์ลีกปีนั้น ชมพู่ ก็บินไปร่วมทีม โตโยต้า ออโต้ บอดี้ ควินซีส์ โดยการย้ายไป วี.ลีก ของเธอเรียกว่าคงจะไม่เหมือนกับผู้เล่นคนอื่น ๆ เพราะโควตาอาเซียน อย่าง ชมพู่ นั้นต้องการันตีตำแหน่งตัวจริง ไม่ใช่ไปเพียงแค่เป็นการตลาดเพื่อดึงดูดแฟน ๆ ชาวไทยเฉย ๆ เนื่องจากมือเซตระดับกัปตันทีมชาติอย่างเธอมีค่าเหนื่อยในระดับสูง มีความโดดเด่นครบเครื่อง รวมถึงฝีมือที่พิสูจน์มาแล้วในหลาย ๆ ทัวร์นาเมนต์ ทำให้การเลือกไปนั่งบนม้านั่งสำรองคงจะไม่ตอบโจทย์สโมสรแน่ ๆ
เอาจริง ๆ ตอนช่วงนั้นแฟน ๆ วอลเลย์บอลก็คาดหวังว่า พรพรรณ เกิดปราชญ์ จะสามารถแจ้งเกิดใน วี.ลีก ค่อนข้างแน่นอน แต่บางคนก็คิดว่าอาจจะติดขัดเรื่องการสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีมจนต้องกลับมาลงเล่นในวอลเลย์บอลไทยแลนด์ลีกใหม่ หากจะลองวิเคราะห์ถึงศักยภาพของ ชมพู่ แล้วละก็ สไตล์หลัก ๆ และจุดเด่นของเธอ คือการตัดสินใจได้รวดเร็ว มีการเคลื่อนไหวที่ว่องไวกว่ามือเซตทั่ว ๆ ไป การจ่ายบอลก็แม่นยำเหมือนจับวาง ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เคยลงสนามให้กับสโมสรในไทยเช่น นครนนท์, ขอนแก่นฯ หรือแม้แต่ บางกอกกล๊าสฯ รวมถึงทีมชาติไทย
มันจึงน่าจะมีโอกาสไม่น้อยที่เจ้าตัวจะโชว์ฟอร์มเก่งได้กับ โตโยต้า ออโต้ บอดี้ ควินซีส์ และน่าจะเป็นที่ชื่นชอบของแฟน ๆ วอลเลย์บอลญี่ปุ่นด้วย เนื่องจากจังหวะการเล่นของสาวจากแดนปลาดิบมีความคล้ายคลึงกับสาวไทยไม่น้อย เวลาเซตลูกให้เพื่อนแต่ละจังหวะจึงค่อนข้างมีความเหมือนกันอยู่บ้าง
ก่อนหน้าที่จะย้ายมาซบ โตโยต้า ออโต้ บอดี้ ควินซีส์ กัปตันทีมชาติไทยคนนี้พาสโมสร ไทย-เดนมาร์ค ขอนแก่นสตาร์ เป็นแชมป์ในเลกแรก และคว้าตำแหน่งรองแชมป์ในวอลเลย์บอลไทยแลนด์ลีกมาได้ ซึ่งตอนนั้นถือว่า พรพรรณ เกิดปราชญ์ เข้ามาเป็นเดอะแบกของทีมก็ว่าได้ เพราะเธอช่วยให้ กรรณิการ์ ธิปะโชติ กลับมาโชว์ฟอร์มเก่งอีกครั้งกับทีม ไดโนเสาร์พิฆาต แถมสไตล์การเล่นการตบของ เล็ก ยังคล้ายผู้เล่นตัวรุกของญี่ปุ่นด้วย เนื่องจากเป็นคนที่ตัวไม่สูงมาก ชอบตีบอลเร็ว บอลต่ำ จึงเข้ากับ ชมพู่ ได้ดี
ด้วยวิธีการเล่นบอลเร็วกับบอลผสมนั้น นับได้ว่าเป็นจุดเด่นของสาวญี่ปุ่น ซึ่ง พรพรรณ ก็สามารถจ่ายให้เล่นลูกรูปแบบนี้ได้ยอดเยี่ยมเช่นกัน โดยจะเห็นจากเวลาส่งบอลให้กับอดีตเพื่อนร่วมทีมอย่าง ทัดดาว นึกแจ้ง สุดท้ายจึงส่งผลให้ แนน กลายเป็นดาวตบที่โดดเด่นในทัวร์นาเมนต์วอลเลย์บอลไทยแลนด์ลีกทันที รวมไปถึงเกมรุกหลาอันกหลายของขอนแก่นสตาร์ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะลูกส่งสวย ๆ คม ๆ ของ ชมพู่ นั่นเอง
ถ้าจะนับว่านักวอลเลย์บอลไทยคนไหนที่เป็นผู้เล่นคนแรก ๆ ซึ่งบินไปลงสนาม พร้อมโชว์ฟอร์มเทพ ๆ ไว้ใน วี.ลีก ก็ต้องบอกว่าเป็น อรอุมา สิทธิรักษ์ และนักตบลูกยางไทยที่ย้ายไปคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศญี่ปุ่นก็เป็นคนแรกก็คือ แก้วกัลยา กมุลทะลา ส่วน พรพรรณ เกิดปราชญ์ จะประสบความสำเร็จแค่ไหน เพื่อน ๆ ก็คงจะเห็นกันในฤดูกาลที่ผ่านมาแล้ว
โดยประวัติคร่าว ๆ ของ กัปตันชมพู่ นั้น เธอเกิดวันที่ 5 พฤษภาคม 1994 ในจังหวัดนครพนม ส่วนสูง 173 ซม. น้ำหนักประมาณ 63 กก. กระโดดตบ 290 ซม. กระโดดบล็อก 285 ซม. ส่วนสโมสร โตโยต้า ออโต้ บอดี้ ควินซีส์ (Toyota Auto Body Queenseis) เป็นทีมวอลเลย์บอลหญิงเก่าแก่ในเมืองคาริยะ จังหวัดไอจิ ประเทศญี่ปุ่น เล่นอยู่ในวีลีก ดิวิชั่น 1 หรือลีกสูงสุด ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1951 เจ้าของทีมคือ โตโยต้า ออโต้ บอดี้
เป็นอย่างไรกันบ้างกับบทความ พรพรรณ เกิดปราชญ์ นักวอลเลย์บอลสาวไทยกับการลงสนามในลีกสูงสุดของญี่ปุ่น หากแฟน ๆ ลูกยางคนไหนติดตามผลงานของเธอก็คงจะทราบแล้วว่าปัจจุบันเจ้าตัวได้ยังไปสังกัดกับสโมสร โตโยต้า ราปิด บูคาเรสต์ ในประเทศโรมาเนีย เรียกได้ว่ายกระดับไปอีกขั้น ส่วนผลงานจะเป็นอย่างไรนั้นเราก็คงจะต้องตามดูกันต่อไป และหวังว่าเจ้าตัวจะนำประสบการณ์มาช่วยให้ทีมชาติไทยเก่งกาจมากขึ้นกว่าเดิม